ภาระเปลี่ยนชีวิต

เมื่อพูดถึง "ภาระ" เรามักนึกถึงสิ่งที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เพราะมันคือความรับผิดชอบที่เรามักต้องใช้ความอดทนพอสมควร แต่ก็อาจเป็นสิ่งทที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับคนส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นภาระความรับผิดชอบในเรื่องงาน เรื่องเงิน หรือแม้แต่การดูแลรับผิดชอบชีวิตของคนอื่นอย่างเช่นคนในครอบครัวเป็นต้น ซึ่งร้อยทั้งร้อยของมนุษย์เงินเดือนจะมีสิ่งที่เรียกว่า "ภาระ" อย่างน้อยหนึ่งแน่นอน

ฉันเองเคยมีประสบการณ์ถังแตกเหมือนกัน จะด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือความไม่ประมาณตนอะไรก็แล้วแต่ แต่หลังจากที่ฉันผ่านวิกฤติครั้งนั้นมาได้ ฉันจึงพึงใจที่จะศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ มากขึ้น มีหนังสือหลายเล่มที่ฉันได้อ่านและพบว่ามีประโยชน์มากสำหรับการใช้ชีวิตของเรา และหากได้นำความรู้เหล่านั้นมีประยุกต์ใช้กับชีวิตของตัวเอง ก็จะทำให้เราลดความเสี่ยงเกี่ยวกับเรื่องเงินไปได้บ้าง ไม่มากก็น้อย
คนส่วนใหญ่มักละเลยเรื่องเงินๆ ทองๆ ในวันที่ยังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ และไม่เคยสนใจเกี่ยวกับการออมเงิน, การลงทุน หรือแม้แต่การประกันความเสี่ยงให้กับชีวิตของตัวเอง แต่เราจะรู้สึกตัวกันในวันที่สายเกินไป บ้างก็เกิดปัญหาแล้วแต่ยังพอแก้ไขได้ แต่ก็มีบางส่วนเช่นกันที่เกิดความเสียหายแบบแก้ไขแทบจะไม่ได้เลย สำหรับตัวฉันเอง เวลาที่ฉันนั่งคิดทบทวนเกี่ยวกับชีวิตที่ผ่านมาและชีวิตที่กำลังจะผ่านไปนั้น ฉันพบว่า บางครั้ง ตัวฉันเองก็มีปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ เช่นกัน เพราะฉันก็ยังเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีกิเลส มีความอยากได้อะไรอีกตั้งหลายอย่าง เพียงแต่ตอนนี้ ฉันได้พบหลักการในการใช้ชีวิตของตัวเองแล้วว่าต้องจัดการกับความอยากของตัวเองอย่างไร

ก่อนหน้านั้น ฉันเองไม่เคยมีภาระหนี้ก้อนใหญ่เท่านี้มาก่อน ฉันอยู่คอนโดที่แม่ซื้อให้เพราะก่อนหน้านั้น ฉันจ่ายค่าเช่าแมนชั่นค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับเงินเดือนที่ได้รับในตอนนั้น และฉันก็ใช้รถที่แม่ซื้อให้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นชีวิตของฉันจึงไม่ต้องลงทุนอะไรมากนักเมื่อเทียบกับเด็กจบใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน ก็นับเป็นความโชคดีส่วนหนึ่งของชีวิต ตอนแรกแม่ไม่เห็นด้วยเลยกับการซื้อบ้าน เพราะให้เหตุผลว่าไม่อยากให้เป็นหนี้ แม่มาจากยุคเบบี้บูม เน้นเก็บเงิน ไม่ชอบความเสี่ยง แม่ผ่านประสบการณ์ ดอกเบี้ยบ้าน 16% มาแล้ว แม่ก็เลยค่อนขยาดกับการเป็นหนี้ พอเริ่มตั้งตัวได้ ก็ไม่อยากให้ลูกต้องมีประสบการณ์แบบที่แม่พบเจอ ก็เลยช่วย support ทุกอย่างและพยายามให้ซื้อทุกอย่างเป็นเงินสด แต่เมื่อพูดถึงการซื้อบ้านด้วยเงินสดแล้วนั้น บ้านเราเองก็ไม่ได้มีเงินเหลือเฟือขนาดนั้น แม่ก็ต้องเก็บเงินไว้ใช้ยามแก่ หรือยามฉุกเฉินบ้างเช่นกัน ถึงแม้จะเป็นข้าราชการบำนาญก็ตาม
ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ฉันไม่ได้มีภาระใดๆ หลายคนคงคิดว่าฉันน่าจะมีเงินเก็บหกหลักหรือเจ็ดหลักได้แล้ว เพราะทำงานมาหลายปีแล้ว แต่ความจริงนั้นตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง จริงอยู่ที่ฉันไม่ได้มีความเดือดร้อนเรื่องเงิน ไม่มีหนี้สิน ไม่เคยต้องขอยืมเงินใคร แต่วันหนึ่งเมื่อย้อนกลับมามองเงินในบัญชีทำให้คิดได้ว่า นี่ก็ทำงานมาหลายปีแล้ว จริงๆ ฉันก็ควรจะเก็บเงินได้หลายบาทอย่างที่ใครๆ เข้าใจน่ะแหละ แต่ทำไมสิ่งที่เป็นมันช่างตรงกันข้าม แย่ไปกว่านั้นคือ เมื่อมองไปรอบตัว ก็เห็นแต่กระเป๋าแบรนด์เนมที่ไม่รู้จะซื้อทำไมหลายๆ ใบ ทั้งๆ ที่หิ้วได้ทีละใบ เสื้อผ้าและรองเท้าที่ล้นออกมานอกตู้ จนต้องใส่ถุงไปบริจาค ทั้งๆ ที่บางตัวยังไม่เคยใส่ และบางตัวก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยซื้อมา

ฉันจิตตกและรู้สึกไม่สบายอยู่เป็นอาทิตย์กับชีวิตของตัวเอง ทุกๆ วันก็นั่งพิจารณาสินทรัพย์ด้อยค่าที่กองอยู่เต็มห้อง และนั่งทบทวนว่า ที่ผ่านมาทำไมเราถึงเป็นแบบนี้ ใช้ชีวิตแบบนี้ สุดท้ายก็สามารถสรุปกับตัวเองได้ว่า ฉันเป็นคนมีเงินอยู่กับตัวมากๆ ไม่ได้ เพราะสมองจะสั่งการว่าฉันมีอำนาจในการจับจ่าย ทุกครั้งที่ได้เงินมาก็จะสามารถคิดได้ทันทีว่า อยากได้อะไร อยากซื้ออะไร จนทำให้ชีวิตเป็นแบบนี้ ชีวิตที่เต็มไปด้วยสินทรัพย์ด้อยค่า แต่ไม่มีเงินเก็บ จึงคิดต่อไปว่า ถ้าฉันสามารถเก็บเงินที่ไหนสักที่หนึ่งโดยที่สามารถถอนออกมาใช้ได้เลยนั้น น่าจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับชีวิต แต่มันก็ไม่มีทางไหนที่ยากเกินความสามารถของมนุษย์  จะฝากประจำ จะซื้อกองทุนอะไรก็ตามแต่ ก็ยังสามารถถอนได้อยู่ดี ความคิดอยากได้บ้านจึงผุดขึ้นมาในสมอง เพราะถ้าต้องผ่อนบ้าน แน่นอนว่า ฉันคงไม่ปล่อยให้บ้านถูกยึดเป็นแน่ ก็น่าจะสามารถหาวิธีการจัดสรรปันส่วนเงินที่มีเพื่อรับผิดชอบภาระส่วนนี้ให้ได้ตลอดรอดฝั่ง เลยตัดสินใจคุยกับแม่เป็นเรื่องเป็นราว ฉันนั่งเล่าอย่างเปิดใจถึงชีวิตที่ผ่านมาว่าฉันรู้สึกว่าตัวเองกำลังใช้ชีวิตผิดพลาด และอยากจะแก้ไข เพราะคิดว่าสิ่งนี้จะทำให้ชีวิตของฉันมีความรับผิดชอบมากขึ้นและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นด้วย ฉันบอกกับแม่ว่า ฉันอยากซื้อบ้าน แม่รู้สึกตกตะลึงนิดหน่อย คุยกันไปคุยกันมา แม่ก็บอกว่าตามใจ แต่ฉันสามารถรู้สึกได้เลยว่า แม่ไม่ได้ต้องการให้ฉันทำแบบนั้น แต่ก็แม่จำต้องเห็นด้วยเพราะแม่เองก็รู้สึกได้ถึงความไร้วินัยในการใช้เงินของลูกสาวตัวเองอยู่เช่นกัน

สุดท้ายฉันจึงได้มีภาระเป็นของตัวเองอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ฉันต้องผ่อนบ้านผ่านรายได้ทุกๆ เดือน ซึ่งเงินผ่อนบ้านกินสัดส่วนไปเกือบหลายสิบเปอร์เซ็นต์ต่อเดือน ตอนนี้ผ่านมาเกือบสี่ปีแล้ว แต่ฉันก็ยังอยู่ได้อย่างปกติสุข ไม่ได้รู้สึกอึดอัด แต่ที่น่าแปลกคือ แทนที่การผ่อนบ้านจะทำให้ฉันเก็บเงินได้น้อย แต่มันกลับตรงกันข้าม ยิ่งมีภาระ ฉันยิ่งหวาดกลัวกับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นกับชีวิตของตัวเอง จึงพยายามเก็บเงินส่วนหนึ่งไว้เพื่อป้องกันความเสี่ยงและให้มั่นใจได้ว่า ฉันก็จะยังมีเงินผ่อนบ้านอยู่หากต้องตกงานหรือเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินอะไรขึ้นมากับชีวิต และยังเก็บเงินไว้เดินทางเสมอเพราะนั่นคือส่วนหนึ่งของชีวิต 

ฉันคิดว่า ภาระในครั้งนี้นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับชีวิต เป็นฉันถือว่ามันคือเรื่องดี บ้านหลังนี้ทำให้ฉันรู้สึกภูมิใจว่านี่คือบ้านหลังแรกที่ฉันซื้อมันด้วยน้ำพักน้ำแรง และมันเป็นของฉันอย่างแท้จริง (ถึงแม้ว่าจะยังติดแบงค์อยู่ก็ตาม 555) ฉันรู้สึกสบายใจ ไม่ว่าจะนั่ง ยืน เดิน นอน อยู่ตรงไหน ฉันได้เลือกโซฟา โต๊ะกินข้าว แบบที่ตัวเองชอบ ทุกวันนี้ฉันจึงใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมันก็ประหยัดดี อย่างน้อยก็ประหยัดกว่าการไปเดินห้างสรรพสินค้าในวันหยุด ที่มักทำให้ต้องเสียเงินทุกครั้งๆ ทั้งๆ ที่ไม่ได้คิดมาก่อนว่าจะต้องซื้ออะไร การต้องผ่อนบ้านทำให้ฉันใช้เงินแบบคิดหน้าคิดหลังมากขึ้น คิดถึงความจำเป็นมากกว่าความอยาก และรู้สึกเสียดายเงินมากขึ้นเวลาที่ต้องจ่ายกับอะไรที่ไม่จำเป็นหรือไม่สมควรจะต้องเสีย ขอบคุณภาระในครั้งนี้ที่ทำให้ชีวิตของฉันเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง

ฉันไม่ได้เขียนบทความนี้เพื่อบอกให้ทุกคนออกไปสร้างภาระในขณะที่คุณยังไม่พร้อม เพียงแต่อยากให้ลองทบทวนชีวิตและเงินทองของตัวเองว่าทุกวันนี้ เราใช้ชีวิตแบบไหน ซึ่งรูปแบบการใช้ชีวิตเป็นตัวแปรสำคัญต่อปริมาณเงินที่เราต้องจ่าย มีมากใช้มากไม่ได้เป็นปัญหา แต่มีน้อยใช้มาก วันหนึ่งเราจะพบกับปัญหาแน่ๆ และหากจะมีหลายเรื่องที่เรานั้นรู้ดี ก็ขอให้เรื่องการเงินเป็นหนึ่งในเรื่องเหล่านั้นด้วยนะคะ แล้วเราจะได้มีความสุขและสนุกไปกับการใช้เงินของเราค่ะ
จากหนังสือเล่มหนึ่งที่ฉันได้อ่านบนโซฟาที่บ้าน มีข้อความหนึ่งที่อยากแบ่งปันเพื่อให้ใครหลายคนได้ลองพิจารณาชีวิตและการใช้เงินของตัวคุณเอง นั่นคือ "ต่อให้เราหาเงินได้มากแค่ไหนก็ไม่มีผลทำให้ชีวิตเป็นอิสระทางการเงินได้ แต่การรู้จักใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพต่างหากที่จะทำให้เรามีอิสรภาพทางเงินอย่างแท้จริง"

Akiko

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ปี 2025 นี้ ปีชงมีผลจริงมั้ย รับมือกับการใช้ชีวิตยังไงดี???

ปี 2025 คงเป็นปีที่ร้อนแรงสำหรับหลายๆ คน ทั้งเรื่องราวของวิทยาศาสตร์และไสยศาสตร์ใดๆ ก็เข้ามาทำให้ชีวิตเรามีความกังวลไม่น้อย ไหนจะมีปีชง ไหนจ...