มีหลายคนที่เคยไปรัสเซีย แล้วก็จะพร่ำเพ้อถึงความยิ่งใหญ่
พระราชวังอลังการงานสร้าง ล้านเจ็ด สามสิบเอ็ดแสน
เราก็ได้แต่นั่งฟังแล้วสงสัยว่าอะไรมันจะขนาดนั้น
จนได้มีโอกาสไปเยือนในช่วงเดือนมิถุนายน ปี 2016 ทริปนี้ไปกับเพื่อนสี่คน
ประกอบกับได้ตั๋วโปรจากการ์ต้าแอร์เวย์ ดี๊ดี แถมไม่ต้องใช้วีซ่าอีกต่างหาก
ประกอบกับค่าเงินที่ถูกกว่าแบบครึ่งๆ แค่เริ่มต้นก็เริ่ด จนไม่รู้จะเริ่ดยังไง
เราเดินทางจากกรุงเทพฯ ไป มอสโคว แวะ transit ที่โดฮา
สนามบินที่นี่เทพนะ ใหม่มากและดีมาก สะอาด ใหญ่ เก้าอี้เยอะ
มีที่นอนที่เรื่องเป็นราวด้วย แต่เราอยู่ที่โดฮาแค่สองชั่วโมง แล้วก็บินต่อไปมอสโคว
วันที่หนึ่ง เราถึงสนามบินมอสโคว ช่วงเกือบเที่ยง
ก็เอากระเป๋าไปฝากที่ locker แล้วก็เดินไปหาอะไรกินเพราะเที่ยงแล้ว
จากนั้นก็นั่งรถไฟฟ้าไปตลาด Izmailovo Market หรือตลาดแม่ลูกดก ที่นี่มีร้านที่ขายตุ๊กตาแม่ลูกดกเยอะมาก
และราคาย่อมเยาว์กว่าที่อื่นๆ ก็เลยมาวันแรกเลย เสมือนกับว่าทำการบ้านมาดีมาก
จะได้ไม่ต้องเสียค่าโง่ที่อื่น เดินฟาดแม่ลูกดกกันมาคนละสิบยี่สิบตัวเบาๆ
ก็เดินเลาะออกมาจากตลาด
ระหว่างที่เดินออกมาเพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน ก็เจอห้างสรรพสินค้าที่ไม่ค่อยน่าสนใจ แต่ บร๊ะเจ้า มี outlet Adidas ที่
sales อยู่ อย่างที่เรียนให้ทราบว่าตอนนั้นค่าเงินก็โอเคแล้ว
แล้วการ Sales อีกคืออะไร ก็เจ็บหนักกันไปพอสมควร ยังไม่ทันจะไปไหน เงินก็พร่องไปเยอะแล้วค่ะ
ระหว่างทางมีเบอรี่ต่างๆ ทั้งสตรอเบอรี่ ราสเบอรี่ บลูเบอรี่ ถาดละ 100 บาทไทย ขาย
และอร่อยมากด้วย อารมณ์ผลไม้โอทอปของเมืองไทย แล้วก็กลับไปที่สถานีรถไฟฟ้า ลืมบอกว่า Metro ที่นี่สวยมาก
สวยที่สุดในโลก เค้าว่ากัน
แต่ฉันก็เห็นด้วยตั้งแต่เที่ยวมาก็ไม่เคยเจอรถไฟฟ้าที่ไหนสวยและคลาสสิคเท่าที่นี่มาก่อน
และที่นี่ก็ไม่มีภาษาอังกฤษเน๊อะ ก็ต้อง load app สำหรับแปลภาษารัสเซียเป็นภาษาอังกฤษ และใช้ google
map เป็นหลัก
พอหัวค่ำก็ไปสถานีรถไฟ เพื่อขึ้นรถไฟตู้นอนไปเมืองเซนปีเตอร์สเบิร์ค ซึ่งจริงๆ มีรถไฟด่วนด้วย แต่เราต้องการตู้นอน เพราะเค้าบอกว่ามันคลาสสิคสุดๆ รถไฟเราจองในเว็บได้ก่อนจะเดินทางนะคะ รถไฟดีมาก วิ่งด้วยความเร็ว 20 กมต่อวันได้มั้ง 555 ข้างในตู้นอน นอนได้ 4 คน เป็นสองเตียง เตียงละ 2 ชั้น ห้องน้ำนี่ก็ต้องต่อคิวเอา แต่ว่าสะอาดใช้ได้เลย มีที่นอนให้ มีโต๊ะกินข้าวเล็กๆ ที่สี่คนก็ต้องเบียดกันเอา ทางเดินที่ไม่สามารถเดินสวนกันได้ แต่เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก รถไฟออกจาก Moscow เวลา 5 ทุ่ม ไปถึง St Petersburg ประมาณ 6 โมงเช้า
วันที่สอง ก็เหมือนเดิม เข็นกระเป๋าไปฝากที่ locker เราเปลี่ยนเสื้อผ้าตั้งแต่บนรถไฟ แต่ไปล้างหน้าแปรงฟันที่สถานีรถไฟที่ St Petersburg ถึงเวลาอันสมควรก็นั่งรถไฟ รถเมล์ สารพัดไปชมพระราชวัง Peterhof Palace คือใหญ่มากทั้งตัววังและสวน เราไปทันโชว์น้ำพุพอดี คนเยอะมาก เดินชมวังและสวนรอบๆ สวยงามอร่ามตา แสงทองส่องเข้าตาเป็นระยะบ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่และความรวยในอดีต ฟ้าก็เปิดสุดๆ ต้อนรับเราเป็นอย่างดี
พอหัวค่ำก็ไปสถานีรถไฟ เพื่อขึ้นรถไฟตู้นอนไปเมืองเซนปีเตอร์สเบิร์ค ซึ่งจริงๆ มีรถไฟด่วนด้วย แต่เราต้องการตู้นอน เพราะเค้าบอกว่ามันคลาสสิคสุดๆ รถไฟเราจองในเว็บได้ก่อนจะเดินทางนะคะ รถไฟดีมาก วิ่งด้วยความเร็ว 20 กมต่อวันได้มั้ง 555 ข้างในตู้นอน นอนได้ 4 คน เป็นสองเตียง เตียงละ 2 ชั้น ห้องน้ำนี่ก็ต้องต่อคิวเอา แต่ว่าสะอาดใช้ได้เลย มีที่นอนให้ มีโต๊ะกินข้าวเล็กๆ ที่สี่คนก็ต้องเบียดกันเอา ทางเดินที่ไม่สามารถเดินสวนกันได้ แต่เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก รถไฟออกจาก Moscow เวลา 5 ทุ่ม ไปถึง St Petersburg ประมาณ 6 โมงเช้า
วันที่สอง ก็เหมือนเดิม เข็นกระเป๋าไปฝากที่ locker เราเปลี่ยนเสื้อผ้าตั้งแต่บนรถไฟ แต่ไปล้างหน้าแปรงฟันที่สถานีรถไฟที่ St Petersburg ถึงเวลาอันสมควรก็นั่งรถไฟ รถเมล์ สารพัดไปชมพระราชวัง Peterhof Palace คือใหญ่มากทั้งตัววังและสวน เราไปทันโชว์น้ำพุพอดี คนเยอะมาก เดินชมวังและสวนรอบๆ สวยงามอร่ามตา แสงทองส่องเข้าตาเป็นระยะบ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่และความรวยในอดีต ฟ้าก็เปิดสุดๆ ต้อนรับเราเป็นอย่างดี
อีกฝั่งหนึ่งของพระราชวังจะเป็นสวนและทะเลสาบ เรารู้จักกันในนามของ ทะเลสาบโปแลนด์
เมื่ออิ่มเต็มกับวังอลังการล้านแปด ก็นั่ง Metro กลับเข้ามาในเมือง เอากระเป๋าที่สถานีและ check in ที่โรงแรม โรงแรมที่เรานอนที่ St Petersburg ค่อนข้างเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่ง เอาเป็นว่า เราสามารถเดินไป Hermitage Museum, Kazan Cathedral, Saint Isaac Cathedral และ Spilled Blood Cathedral ได้อย่างง่ายดาย และไม่ไกลมาก
เมื่ออิ่มเต็มกับวังอลังการล้านแปด ก็นั่ง Metro กลับเข้ามาในเมือง เอากระเป๋าที่สถานีและ check in ที่โรงแรม โรงแรมที่เรานอนที่ St Petersburg ค่อนข้างเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่ง เอาเป็นว่า เราสามารถเดินไป Hermitage Museum, Kazan Cathedral, Saint Isaac Cathedral และ Spilled Blood Cathedral ได้อย่างง่ายดาย และไม่ไกลมาก
พอ check
in เก็บของอะไรเรียบร้อยก็ออกมาเดินชมเมือง อากาศดีมากๆ
โดยส่วนตัวคิดว่าเมืองนี้อาคารสวย มันสีสันที่แปลกตาแต่ดูรวมๆ กันแล้วดี
เดินไปถึงโบสถ์เลือดไปยันโบสถ์คาซานเลยทีเดียว
จนเย็นก็เดินกลับมาแวะกินข้าวที่ร้านแถวๆ โรงแรม
และเราก็ต้องแวะซุปเปอร์ซื้อวอดก้า ชีส และโยเกิร์ตมากินชิปร่ะ
เพราะว่าเรามันเป็นสิ่งที่เราควรกินเมื่ออยู่รัสเซีย รู้เรื่องโน๊ะ ตอนนี้สี่ทุ่มแล้วพระอาทิตย์เพิ่งตกดิน เฮ่อ กูดไนท์
วันที่สาม ออกจากโรงแรมประมาณ 8 โมงเช้า แล้วก็เดินๆๆๆไปหลายชั่วกิโลเมตร ไปจนถึง Peter
and Paul Cathedral
ข้างนอกไม่ค่อยสวย แต่บร๊ะเจ้า ข้างในสวยมาก ข้างในเป็นหินอ่อนและมีภาพวาดทั้งผนังและเพดาน แพดานสีเขียวอ่อนอยู่เคียงคู่กันกับภาพวาด สวยอ่ะ เลิฟเลย ส่วนเสาหินอ่อนก็มีหินอ่อนสีชมพูด้วย ซึ่งไม่เคยเจอที่อื่น ส่วนที่หน้าต่างก็เป็นกระจกสีส๊ดสด ส๊วยสวย ที่นี่ต้องชมหลุมศพของราชวงศ์โรมานอฟ พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่สองและครอบครัวซึ่งเป็น highlight
จากนั้นก็เดินวนไปค่ะ ไปจนถึงโบสถ์ St Isaac ที่ที่แล้วว่าสวยแล้ว ที่นี่โครตสวยหนักเข้าไปอี๊กกกกก ที่นี่มีเสาสีเขียวและน้ำเงินที่ทำมาจากหินหายาก ซึ่งประเมินค่าไม่ได้ ต้องชมนะคะต้องชม
รูปวาดจิตรกรรมฝาผนังและเพดานก็สวยงามจับตามากมายมหาศาลสุดคณานับ บรรยายไม่ถูก ต้องไปเห็นด้วยตาตัวเองถึงจะเข้าใจ ปวดตากับลวดลายอันสวยงามของโบสถ์ทั้งสองโบสถ์แล้วก็ได้เวลาอาหารบ่าย วันนี้เราจะกินสเต็ก ซึ่งเป็นร้านที่มีคนแนะนำว่าดีงามพระรามแปดมากชื่อ Stronganoff ฉันกินแกะ และสลัดซีซ่าซึ่งใช้ไก่แทนแฮม ไก่รัสเซียอร่อยมากค่ะคุณ ร้านนี้ดีอ่า
พอกินเสร็จ ก็เดินต่อไปเรื่อยๆ ชมเมืองจนถึงที่พัก ซึ่งเราก็แวะซุปเปอร์แถวๆ โรงแรม เพื่อซื้อของขึ้นไปกินที่ห้อง หลายคนอาจจะบอกว่าทำไมไม่กินอาหารพื้นเมือง แต่จะบอกว่า ซุปเปอร์นี่แหละ เป็นแหล่งอาหารพื้นเมืองอย่างดีของพวกเราเลย ทั้งโยเกิร์ต วอดก้า เบียร์ ชีส ขนมปัง โอ้ยยยยยมากมายอ่า พูดเลย
ข้างนอกไม่ค่อยสวย แต่บร๊ะเจ้า ข้างในสวยมาก ข้างในเป็นหินอ่อนและมีภาพวาดทั้งผนังและเพดาน แพดานสีเขียวอ่อนอยู่เคียงคู่กันกับภาพวาด สวยอ่ะ เลิฟเลย ส่วนเสาหินอ่อนก็มีหินอ่อนสีชมพูด้วย ซึ่งไม่เคยเจอที่อื่น ส่วนที่หน้าต่างก็เป็นกระจกสีส๊ดสด ส๊วยสวย ที่นี่ต้องชมหลุมศพของราชวงศ์โรมานอฟ พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่สองและครอบครัวซึ่งเป็น highlight
จากนั้นก็เดินวนไปค่ะ ไปจนถึงโบสถ์ St Isaac ที่ที่แล้วว่าสวยแล้ว ที่นี่โครตสวยหนักเข้าไปอี๊กกกกก ที่นี่มีเสาสีเขียวและน้ำเงินที่ทำมาจากหินหายาก ซึ่งประเมินค่าไม่ได้ ต้องชมนะคะต้องชม
รูปวาดจิตรกรรมฝาผนังและเพดานก็สวยงามจับตามากมายมหาศาลสุดคณานับ บรรยายไม่ถูก ต้องไปเห็นด้วยตาตัวเองถึงจะเข้าใจ ปวดตากับลวดลายอันสวยงามของโบสถ์ทั้งสองโบสถ์แล้วก็ได้เวลาอาหารบ่าย วันนี้เราจะกินสเต็ก ซึ่งเป็นร้านที่มีคนแนะนำว่าดีงามพระรามแปดมากชื่อ Stronganoff ฉันกินแกะ และสลัดซีซ่าซึ่งใช้ไก่แทนแฮม ไก่รัสเซียอร่อยมากค่ะคุณ ร้านนี้ดีอ่า
พอกินเสร็จ ก็เดินต่อไปเรื่อยๆ ชมเมืองจนถึงที่พัก ซึ่งเราก็แวะซุปเปอร์แถวๆ โรงแรม เพื่อซื้อของขึ้นไปกินที่ห้อง หลายคนอาจจะบอกว่าทำไมไม่กินอาหารพื้นเมือง แต่จะบอกว่า ซุปเปอร์นี่แหละ เป็นแหล่งอาหารพื้นเมืองอย่างดีของพวกเราเลย ทั้งโยเกิร์ต วอดก้า เบียร์ ชีส ขนมปัง โอ้ยยยยยมากมายอ่า พูดเลย
วันที่สี่ ก็ยังคงอยู่ที่ St Petersburg วันนี้ออกจากโรงแรมสายหน่อย
และไปแวะลิ้มกาแฟและขนมที่ร้าน Kupetz Eliseevs Food Hall คือร้านนี้ดี
โครตน่ารัก เค้กน่ารักๆ ตูมเลย ละลานตาจนเลือกไม่ถูก กาแฟก็อร่อยมาก
ร้านนี้อยู่แถวๆ โบสถ์ Kazan โบสถ์นี้รูปร่างภายนอกสวย แต่ว่าข้างในไม่ค่อยเท่าไหร่ จะมีก็แต่รูปพระเยซูที่เค้าบอกว่าไม่เหมือนใคร แต่ฉันจำไม่ได้หรอกว่า เหมือนที่อื่นมั้ย
ต่อจากที่นี่ก็เดินไปโบสถ์แห่งหยดเลือด (Church of the Savior on Spilled Blood) วันนี้เข้าไปชมด้านในค่ะ หลังจากที่ครั้งที่แล้วมาถ่ายรูปแค่ด้านหน้า โอ้ยยยยยจะบร้า โบสถ์บ้าไรสวยมากขนาดนี้ ไม่รู้จะบรรยายยังไง สมัยก่อนนางคงรวยมากจริงๆ อ่ะ ไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไร โบสถ์เอย พระราชวังเอย ก็เลยหรูหราโอ่อ่า ฟู่ฟ่า มากขนาดนี้
ร้านนี้อยู่แถวๆ โบสถ์ Kazan โบสถ์นี้รูปร่างภายนอกสวย แต่ว่าข้างในไม่ค่อยเท่าไหร่ จะมีก็แต่รูปพระเยซูที่เค้าบอกว่าไม่เหมือนใคร แต่ฉันจำไม่ได้หรอกว่า เหมือนที่อื่นมั้ย
ต่อจากที่นี่ก็เดินไปโบสถ์แห่งหยดเลือด (Church of the Savior on Spilled Blood) วันนี้เข้าไปชมด้านในค่ะ หลังจากที่ครั้งที่แล้วมาถ่ายรูปแค่ด้านหน้า โอ้ยยยยยจะบร้า โบสถ์บ้าไรสวยมากขนาดนี้ ไม่รู้จะบรรยายยังไง สมัยก่อนนางคงรวยมากจริงๆ อ่ะ ไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไร โบสถ์เอย พระราชวังเอย ก็เลยหรูหราโอ่อ่า ฟู่ฟ่า มากขนาดนี้
พอเข้าชมที่นี่เสร็จก็เดินกลับ
สังเกตมั้ยว่าที่นี่แทบจะไม่ได้ใช้โดยสารสาธารณะ ฉันพูดเลยว่า
เลือกโรงแรมดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง จากตรงนี้เราเดินไป Hermitage Museum ซึ่งจริงๆ แล้วอยู่แถวๆ โรงแรมเรา เสมือนเดินกลับโรงแรมแหละ
แต่ไปแวะที่นี่ก่อน ต่อคิวประมาณชั่วโมงหนึ่ง ที่เป็นอันดับสองของโลกรองจากพิพิธภัณฑ์ลูฟท์
ตามหนังสือบอกว่าที่นี่ใช้เวลาเดินสามวันจึงจะครบ แต่ฉันเลือกชมเฉพาะ Highlight อีกเช่นเดิม และพระราชวังประจำฤดู เข้าไปแล้วขนลุกอ่ะ ทองจะเยอะไปไหน จะรวยไปไหน ไม่รู้จะร้องว่าอะไรดี อ่ะทองเข้าไปอีก ทองเข้าไป
เราใช้เวลาที่นั่นประมาณ 4 ชั่วโมงก็เดินกลับที่พัก เพราะว่าไม่ไหวแล้ว เข้ามาไปพักที่โรงแรมประมาณ สองชั่วโมงก็บอกว่ากินข้าวเย็น ซึ่งออกมาก็ยังสว่างอยู่ บอกแล้วมาทริปนี้คุ้มมากค่ะ สี่ทุ่มก็ยังไม่มืด ตีสี่ก็สว่างแล้ว มันเริ่ดอ่ะ วันนี้กินอาหารพื้นเมือง ซุปบูช ซึ่งเป็นซุปเนื้อ ซุปประจำชาติของรัสเซีย แต่ฉันก็ต้องชิมแต่น้ำ เพราะไหนๆ ก็มาแล้ว แล้วก็ติ่มซำรัสเซีย ที่เป็นลูกเล็กๆ และมีน้ำๆ อยู่ข้างใน แล้วก็กิน steak เหมือนเดิม
ตามหนังสือบอกว่าที่นี่ใช้เวลาเดินสามวันจึงจะครบ แต่ฉันเลือกชมเฉพาะ Highlight อีกเช่นเดิม และพระราชวังประจำฤดู เข้าไปแล้วขนลุกอ่ะ ทองจะเยอะไปไหน จะรวยไปไหน ไม่รู้จะร้องว่าอะไรดี อ่ะทองเข้าไปอีก ทองเข้าไป
เราใช้เวลาที่นั่นประมาณ 4 ชั่วโมงก็เดินกลับที่พัก เพราะว่าไม่ไหวแล้ว เข้ามาไปพักที่โรงแรมประมาณ สองชั่วโมงก็บอกว่ากินข้าวเย็น ซึ่งออกมาก็ยังสว่างอยู่ บอกแล้วมาทริปนี้คุ้มมากค่ะ สี่ทุ่มก็ยังไม่มืด ตีสี่ก็สว่างแล้ว มันเริ่ดอ่ะ วันนี้กินอาหารพื้นเมือง ซุปบูช ซึ่งเป็นซุปเนื้อ ซุปประจำชาติของรัสเซีย แต่ฉันก็ต้องชิมแต่น้ำ เพราะไหนๆ ก็มาแล้ว แล้วก็ติ่มซำรัสเซีย ที่เป็นลูกเล็กๆ และมีน้ำๆ อยู่ข้างใน แล้วก็กิน steak เหมือนเดิม
วันที่ห้า ตื่นเช้ามานั่งรถไฟ ต่อรถเมล์ไปเที่ยวพระราชวังแคทเธอรีน Catherine Palace วังนี้สวยสะดุดตาแต่ไกล สีฟ้างดงามอร่ามจิต ต้องต่อคิวอีกชั่วโมงกว่าเพื่อเข้าชม
ด้านหน้ามีที่ขายตั๋ว ตั๋วจะมีหลายแบบ ทั้งแบบเข้าชมทั้งหมด และแบบชมเฉพาะสวน
สวนที่สวยงาม สวยกว่า Peterhoff
ก็สิงห์กันอยู่ที่นี่จนเที่ยงก็นั่งรถ ต่อรถไฟกลับมาที่สถานีรถไฟหลักของเมือง St Petersburg เพื่อลาจากเมืองนี้กลับไป Moscow ที่เรารัก เราจองตั๋วในเว็บจากเมืองไทย ขากลับเราใช้รถไฟด่วน ซึ่งดีงาม และใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าก็ถึง Moscow ช่วงเย็น
หลังจากนั้นเราก็ check in ที่โรงแรม ที่นี่เราพักที่โรงแรม National ซึ่งอยู่ใกล้กับ Saint Basil's Cathedral, Kremlin Palace และ Red Square ตรงนั้นจะมีห้างหรู Grum อยู่ด้วย
วันนี้คงต้องฝากท้องไว้ที่ห้าง Grum ซึ่งมีอาหารไม่มากนักอยู่ที่ Food Center ไปละ นอนกันเหอะ พรุ่งนี้จะได้มีแรงมาลั้ลลากันต่อ
วันที่หก ตื่นไม่เช้าอย่างที่ใจอยากทำ แต่ก็พยายาม วันนี้จะตะลอนทัวร์รอบๆ มอสโคว วันนี้กะว่าจะเดินชมสถานที่ต่างๆ แบบไปเจาะจง เดินไปเรื่อยๆ ชมเมือง อากาศก็ดีมาก ไม่ร้อนมาก แต่แดดแรง ก็เดินถ่ายรูปไปเรื่อย และพลาดไม่ได้ที่จะไปถ่ายรูปกับพระเอกของเมืองอย่าง Saint Basil's Cathedral และ Red Square ที่นี่คงเป็นสวรรค์ของนักแบกกล้อง เพราะเดินไปตรงไหนก็สวย ถ่ายรูปแบบโปรหรือไม่โปร นางแบบสวยหรือไม่สวย ก็สวยไปหมด พูดเลย
เย็นวันนั้นเรากินข้าวที่นั่น ตรงจตุรัสแดงก็มี Metro ซึ่งมีห้างอยู่ใต้ดิน มี Adidas Original ของค่อนข้างเยอะทั้งของผู้หญิงและผู้ชายโดยเฉพาะ NMD ซึ่งไม่มีขายในเมืองไทย ที่นั่นเราได้กินเครปประจำชาติของรัสเซีย ซึ่งแปลกตรงที่เป็นได้ทั้งของคาวและของหวาน และที่สำคัญ อร่อยเกือบทุกรสเลย ตลอดหลายวันที่ผ่านมาก็เลยฝากท้องไว้ที่นั่น ร้านชื่อ Tepamok ราคาก็ไม่แพงด้วย เดือนถึงประมาณสี่ทุ่มก็เดินกลับโรงแรมซึ่งใกล้มาก ถือเป็นเรื่องที่ดีในชีวิต
ก็สิงห์กันอยู่ที่นี่จนเที่ยงก็นั่งรถ ต่อรถไฟกลับมาที่สถานีรถไฟหลักของเมือง St Petersburg เพื่อลาจากเมืองนี้กลับไป Moscow ที่เรารัก เราจองตั๋วในเว็บจากเมืองไทย ขากลับเราใช้รถไฟด่วน ซึ่งดีงาม และใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าก็ถึง Moscow ช่วงเย็น
หลังจากนั้นเราก็ check in ที่โรงแรม ที่นี่เราพักที่โรงแรม National ซึ่งอยู่ใกล้กับ Saint Basil's Cathedral, Kremlin Palace และ Red Square ตรงนั้นจะมีห้างหรู Grum อยู่ด้วย
วันนี้คงต้องฝากท้องไว้ที่ห้าง Grum ซึ่งมีอาหารไม่มากนักอยู่ที่ Food Center ไปละ นอนกันเหอะ พรุ่งนี้จะได้มีแรงมาลั้ลลากันต่อ
วันที่หก ตื่นไม่เช้าอย่างที่ใจอยากทำ แต่ก็พยายาม วันนี้จะตะลอนทัวร์รอบๆ มอสโคว วันนี้กะว่าจะเดินชมสถานที่ต่างๆ แบบไปเจาะจง เดินไปเรื่อยๆ ชมเมือง อากาศก็ดีมาก ไม่ร้อนมาก แต่แดดแรง ก็เดินถ่ายรูปไปเรื่อย และพลาดไม่ได้ที่จะไปถ่ายรูปกับพระเอกของเมืองอย่าง Saint Basil's Cathedral และ Red Square ที่นี่คงเป็นสวรรค์ของนักแบกกล้อง เพราะเดินไปตรงไหนก็สวย ถ่ายรูปแบบโปรหรือไม่โปร นางแบบสวยหรือไม่สวย ก็สวยไปหมด พูดเลย
เย็นวันนั้นเรากินข้าวที่นั่น ตรงจตุรัสแดงก็มี Metro ซึ่งมีห้างอยู่ใต้ดิน มี Adidas Original ของค่อนข้างเยอะทั้งของผู้หญิงและผู้ชายโดยเฉพาะ NMD ซึ่งไม่มีขายในเมืองไทย ที่นั่นเราได้กินเครปประจำชาติของรัสเซีย ซึ่งแปลกตรงที่เป็นได้ทั้งของคาวและของหวาน และที่สำคัญ อร่อยเกือบทุกรสเลย ตลอดหลายวันที่ผ่านมาก็เลยฝากท้องไว้ที่นั่น ร้านชื่อ Tepamok ราคาก็ไม่แพงด้วย เดือนถึงประมาณสี่ทุ่มก็เดินกลับโรงแรมซึ่งใกล้มาก ถือเป็นเรื่องที่ดีในชีวิต
วันที่เจ็ด ตื่นแต่เช้าก็มาถ่ายรูปกับ Saint Basil's Cathedral อีกครั้งและเข้าชม Klemrin Palace ด้วย ไปต่อคิวตั้งแต่ยังไม่เปิด ที่นั่นมีสมบัติล้ำค่าอยู่ในอาคารที่ 1 ซึ่งเป็นอาคารที่ให้เข้าเป็นรอบๆ ต้องต่อคิวเป็นเรื่องเป็นราว แต่เอาจริงๆ ก็สู้ที่อังกฤษไม่ได้ ในความคิดเห็นส่วนตัวของฉัน
ในบริเวณพระราชวังก็จะมีโบสถ์ หอระฆัง บลา บลา บลา
ทุกอย่างดูยิ่งใหญ่ตระการตาไปหมด ในที่นั้นก็จะมีระฆังที่มีส่วนหนึ่งที่แตกออก
ถือเป็นอีก 1 Signature ของ Moscow
เดินอยู่ในนั้นสักพักก็จะออกมาข้างนอกเพื่อเดินไป Saint Basil's Cathedral ทีนี้เราจะเข้าไปข้างใน แต่ที่นี่ไม่ต้องต่อคิวยาวเหยียดเหมือนทุกๆ ที่ ข้างในก็สวยดี แต่คิดว่าข้างนอกก็สวยกว่า หลังจากนั้นก็เดินชมเมืองไปเรื่อยๆ ทุกตรอกซอกซอย รวมถึงตึกแดงที่ไม่ได้ถ่ายรูปด้วยเมื่อคืนนี้ พอตอนกลางวัน หืม แด๊งแดง สวยมาก วันนี้เป็นวันสดท้ายแล้วต้องเอาให้คุ้ม เดินวนไปค่ะ
จนช่วงบ่ายแก่ๆ ก็กลับโรงแรมไปเอากระเป๋า แล้วก็ลงไปที่รถไฟฟ้าเพื่อไปสนามบิน ไม่นานเท่าไหร่ก็ถึงสนามบิน ไปนั่งรอที่ร้านกาแฟ เพื่อรอเดินทางกลับไปกรุงเทพฯ ทริปนี้ดี
เดินอยู่ในนั้นสักพักก็จะออกมาข้างนอกเพื่อเดินไป Saint Basil's Cathedral ทีนี้เราจะเข้าไปข้างใน แต่ที่นี่ไม่ต้องต่อคิวยาวเหยียดเหมือนทุกๆ ที่ ข้างในก็สวยดี แต่คิดว่าข้างนอกก็สวยกว่า หลังจากนั้นก็เดินชมเมืองไปเรื่อยๆ ทุกตรอกซอกซอย รวมถึงตึกแดงที่ไม่ได้ถ่ายรูปด้วยเมื่อคืนนี้ พอตอนกลางวัน หืม แด๊งแดง สวยมาก วันนี้เป็นวันสดท้ายแล้วต้องเอาให้คุ้ม เดินวนไปค่ะ
จนช่วงบ่ายแก่ๆ ก็กลับโรงแรมไปเอากระเป๋า แล้วก็ลงไปที่รถไฟฟ้าเพื่อไปสนามบิน ไม่นานเท่าไหร่ก็ถึงสนามบิน ไปนั่งรอที่ร้านกาแฟ เพื่อรอเดินทางกลับไปกรุงเทพฯ ทริปนี้ดี
ถามความรู้สึกส่วนตัว รัสเซียเป็นประเทศที่ดี
ถึงแม้ใครๆ จะบอกว่าเป็นเมืองมาเฟียร์ น่ากลัว แต่ฉันกลับไม่รู้สึกแบบนั้นเลย
ฉันว่าคนรัสเซียไม่ได้เลวร้ายอะไร แค่ไม่ชอบยุ่งกับใครมากกว่า ส่วนอาหารก็พอกินได้
ไม่ได้กินยากเย็นอะไรมากมาย ช็อปปิ้งได้พอสมควร จริงๆ แล้วของอาจจะไม่ได้ถูกมากนัก
เมื่อเทียบกับเมืองไทย แต่ก็มีอะไรให้เลือกสรรอยู่เหมือนกัน
สิ่งสำคัญคือประวัติศาสตร์และความยิ่งใหญ่ของที่นี่ ไม่แพ้ยุโรปอื่นๆ เลย โดยเฉพาะ
St
Petersburg ที่มีความเป็นยุโรปสูงมาก ส่วนการสื่อสาร
ประเทศนี้ไม่มีภาษาอังกฤษเลย แม้แต่รถไฟฟ้าใต้ดิน เลยค่อนข้างยากกับการทำความเข้าใจ แต่เตรียมตัวไปดีๆ ก็ไม่เป็นปัญหาต่อความสำราญในต่างแดน แต่โดยรวมแล้ว พูดได้คำเดียวว่า
ฉันจะต้องกลับไปอีกครั้งแน่นอน
#โตแล้วไปไหนก็ได้
by Akiko
#โตแล้วไปไหนก็ได้
by Akiko
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น