ผู้หญิงอย่าหยุดเที่ยว : เพราะการเดินทางทำให้ชีวิตมีความคลาสสิค by Akiko

เมื่อนึกย้อนกลับไปสมัยแรกรุ่น ก็พบว่า ตัวเองเป็นคนแต่งตัวไม่เป็น แต่ชอบดูแฟชั่น ซึ่งมันดูตลกและย้อนแย้งมาก แต่เราเป็นแบบนั้นจริงๆ เมื่อโตพอที่จะอ่านหนังสือแฟชั่นได้เข้าใจ เราจะชอบอ่านนิตยสารของผู้หญิง ซึ่งแน่นอนว่ามีโฆษณามากว่า 80% ส่วนอีก 20% เป็นเนื้อหาที่กระตุ้นให้ซื้อของตามโฆษณาก่อนหน้านั้น ทำให้เราชื่นชอบแบรนด์เนมบางยี่ห้อที่ดูยังไงก็มีความคลาสสิคและเป็นตำนาน ควรค่าแก่การต้องมีไว้ เราก็คงเหมือนผู้หญิงทั่วไปที่มีความใฝ่ฝันว่าชีวิตนี้อยากใช้กระเป๋าแบรนด์เนมสักใบในชีวิต จึงตั้งเป้าหมายกับตัวเองว่าถ้าทำงานหาเงินเองได้แล้ว จะซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมที่ชอบให้ได้ ผ่านเวลาหลายปี ฉันมารู้สึกตัวและได้มาทบทวนตัวเองอีกครั้งก็ตอนที่เริ่มโตเป็นผู้ใหญ่ เริ่มมีความคิดอ่าน และชีวิตมีหลากหลายใน passion มากขึ้น ความสนใจของชีวิตไม่ได้อยู่ที่การแต่งตัว การช็อปปิ้ง หรือกระเป๋าแบรนด์เนมมากเท่าที่เคยคิดไว้ และการนั่งบวกเงินที่หมดไปกับกระเป๋า รวมไปถึงของฟุ่มเฟือยอื่นๆ สไตล์ผู้หญิงทำงานออฟฟิส ไม่น่าเชื่อว่า เงินจำนวนนั้นเยอะมากจนเพียงพอที่จะทำให้เราสามารถเดินทางไปเที่ยวยุโรปแบบสะดวกสบายได้ไม่ต่ำกว่า 10 ทริป แต่ความชอบของแต่ละคนก็เหมือนกันจริงๆ บางคนชอบเที่ยว บางคนชอบแต่งตัว อันนี้ทุกคนมีสิทธิ์ทำตามสิ่งที่ตัวเองต้องการ เพราะมันคือการใช้เงินของเราเน๊อะ ดังนั้นคนอื่นก็ไม่ควรไปยุ่ง และโดยส่วนตัวแล้วก็ไม่เคยสนใจเลยว่า ใครจะซื้ออะไรมา หรือไปเที่ยวที่ไหนมา เพราะมันเงินเค้า 555 เราสามารถมีมารยาทได้ด้วยการเคารพความชอบส่วนบุคคลและไม่ต้องไปสอนคนอื่นเค้าเยอะนัก ถ้าเค้าอยากได้คำแนะนำ เดี๋ยวเค้าจะมาถามเราเอง😉

เรื่องที่เราอยากจะแชร์ก็คือ เมื่อ 20 ปีที่แล้วที่เราได้กระเป๋าหลุยส์ใบแรก ซึ่งเก็บเงินซื้อได้ด้วยตัวเอง ประมาณหมื่นปลายไม่ถึงสองหมื่น (ซึ่งเมื่อเทียบกับราคา ณ ปี 2023 แล้ว กระเป๋ารุ่นเดียวกันแต่ทำไมราคามันต่างกันมากขนาดนี้) และในปีเดียวกัน เราได้มีโอกาสไปเที่ยวยุโรปครั้งแรกกับแม่ ครั้งนั้นเราเดินทางไปอิตาลี สวิส และฝรั่งเศส เป็นเวลา 10 วัน ณ วันนั้น เพื่อนๆ หลายคนบอกว่า อิจฉาที่เรามีกระเป๋าหลุยส์รุ่นยอดฮิต น้อยคนนักที่จะอิจฉาที่เราได้ไปเที่ยวยุโรปตั้งแต่วัยยี่สิบ เราเองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน เพราะคิดว่า เงินไม่ถึงสองหมื่น อยู่กับเราได้ตั้งหลายปี แต่ไปเที่ยวตอนนั้นเสียเงินคนละเป็นแสน แต่กลับได้เที่ยวแค่ 10 วัน แถมเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว 

แต่เมื่อเวลาผ่านไป กระเป๋าเริ่มเก่าลง คลาวไฮที่หูกระเป๋านี่ดำเชียว มันไม่สวยงามเหมือนตอนที่ซื้อมาใหม่ๆ ต่อให้เอาไปซักหนัง (ซึ่งสมัยก่อนยังการทำสปากระเป๋ายังไม่ฮิต) หรือทำยังไงมันก็ไม่มีทางเหมือนเดิม เพราะของใช้ทุกอย่าง มันก็มีอายุการใช้งานของมัน ซึ่งมีจำกัด ต่อให้เรารักษาอย่างดี มันก็ทำได้แค่เพียงยืดอายุการใช้งานให้เราสามารถใช้มันได้คุ้มเงินมากขึ้นเท่านั้น แต่เมื่อพูดถึงประสบการณ์ที่เราได้ไปขึ้นยอดเขาจุงเฟรา ประเทศสวิส ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของยุโรปที่ขึ้นชื่อในเรื่องความงดงามทางธรรมชาติ และได้รับการยกย่องว่า เป็น Top of Europe ได้เรียนรู้ว่าลมหนาวสุดๆ ระดับติดลบบนเทือกเขาสูงนั้น เป็นแบบไหน หรือแม้แต่การแต่งตัวเชยๆ ไปเที่ยวยุโรปเป็นครั้งแรก การฝึกกินอาหารฝรั่งเศสเป็นครั้งแรก ได้กินเจลาโต้ที่ถิ่นกำเนิดของมัน ได้ไปยืนบนโคลอสเซี่ยม ได้ขึ้นไปบนหอเอนเมืองปิซ่า ซึ่งแต่ก่อนนั้นเคยเห็นแต่ในหนังสือ แต่วันนั้นเราได้สัมผัสมันจริงๆ เราไปข้ามน้ำข้ามทะเลไปเที่ยวเกาะเวนิส ได้ไปเห็นจตุรัสซานมาร์โคกับตาของตัวเอง จากที่เมื่อก่อนเคยเห็นแต่ในหนังฮอลีวูดแล้วต้องพูดเสมอว่า สวยว่ะ ทั้งหมดทั้งมวลนั้นหล่อหลอมเป็นประสบการณ์ที่เป็นหนึ่งเดียวกับตัวเรา นอกจากนี้การเดินทางยังสอนให้เรารู้จักช่วยเหลือตัวเองและเอาตัวรอด ซึ่งเป็นสัญชาตญาณที่มนุษย์ควรได้รับการฝึกฝนบ้าง
มาถึงตอนนี้ ประสบการณ์ที่หลอมรวมเป็นเราในวันนั้นจนถึงวันนี้ ยิ่งนับวันยิ่งสูงค่า นึกถึงกี่ครั้งก็ยังเป็นสิ่งที่สวยงามเสมอ ส่วนกระเป๋าใบนั้น พังไปแล้วค่ะ ตอนนี้หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งที่อยากจะแชร์วนไป เพราะเชื่อว่ายังมีคนอีกหลายคน ที่ยังให้ความสำคัญกับวัตถุมากกว่าประสบการณ์ ไม่ใช่เพียงแต่ประสบการณ์จากการเที่ยวต่างประเทศเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการดูดาวครั้งแรก ขึ้นเขาครั้งแรก เดินป่าครั้งแรก วิ่งมาราธอนครั้งแรก สิ่งเหล่านี้มีค่าทั้งนั้น เมื่อเวลาผ่านไป และได้ลองกลับมาย้อนนึกถึงมัน ประสบการณ์ไม่เคยเสื่อมค่าไปเลย

ยิ่งเป็นการเดินทางท่องเที่ยวด้วยแล้ว เราว่าเราหลงรักมันมาก จริงๆ แล้วเราอาจจะโง่กว่านี้ได้อีก เพียงแต่การเดินทางมีส่วนช่วยอย่างมากในการใช้ชีวิต ผู้หญิงมักมีเคมีไม่ตรงกับการดูแผนที่ ราวกับว่าเราไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ เมื่อได้ไปที่ไหนก็ต้องมีการหลงเกิดขึ้นทุกครั้งที่เราเดินทาง จึงกล้าพูดได้เต็มปาก ปัจจุบันฉันเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูแผนที่เป็นและเอาตัวรอดได้ หรือแม้แต่การเดินทางจะทำให้เราเห็นความสำคัญของชีวิตและร่างกายตัวเองมากขึ้น อยู่ดีๆ เราจะรู้สึกใส่ใจกับสุขภาพของตัวเองขึ้นมา หลังจากเราไปเดินขึ้นเขาที่ญี่ปุ่น เพราะเรารู้แล้วว่ามันเหนื่อยขนาดไหน และร่างกายเราช่างป้อแป้เสียเหลือเกิน นอกจากนี้ การเดินทางเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ทำให้เรารู้จักการวางแผนทางการเงิน เก็บเงินเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้นเพื่อใช้สำหรับการเดินทางโดยเฉพาะ รู้จักการนำเงินไปฝากในกองทุนหรือทำอะไรๆ บ้างให้งอกเงยขึ้นมาเพื่อนำไปเที่ยวต่อไป

ในชีวิตคนเราทำงานเฉลี่ยประมาณ 240 วัน ควรหรือไม่ที่จะให้เวลากับตัวเองสัก 5 วันหรือ 10 วันเพื่อให้ร่างกายและจิดใจของเราได้ปล่อยไหลบ้าง และได้พักผ่อนจากความเครียด ความเหนื่อยล้าที่เราพบเจออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ให้สมองได้ reset ความคิดของตัวเองใหม่ ทำอะไรตามสบายไม่ต้องกำหนดกฎเกณฑ์ ไม่ต้องคร่ำเครียดทั้งวันไปกับงาน งาน งาน แล้วก็งาน ไม่ต้องแหกขึ้ตาตื่นตีห้ากลับถึงบ้านสองสามทุ่ม แถมยังนอนไม่หลับอีกต่างหาก ดังนั้น การใช้ช่วงเวลาดีๆ ระหว่างการเดินทางให้เป็นตัวช่วยในการเยียวยาและปรับสมดุลร่างกาย ก็เป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย

เรายังคงมีความเชื่อว่า ถ้าเรารอว่าง รอมีเงินเยอะๆ ก่อน รอเกษียณก่อน เราจะไม่ได้เดินทางหรอก ถึงจะทำได้ แต่ก็คงเที่ยวไม่สนุกเหมือนตอนวัยรุ่น ที่ยังมีพลังและร่างกายแข็งแรง การไปเที่ยวแล้วต้องเข็นกระเป๋าใบใหญ่ๆ ไปเรื่อยๆ มันเหนื่อยมากนะเธอ แต่ถ้ามองการเดินทางเป็นเป้าหมายถึงของแต่ละปี แล้วกำหนดมันอย่างชัดเจน เราจะวางแผนและพยายามทำให้ทริปในฝันเป็นจริงได้เสมอ ไม่จำเป็นต้องเป็นการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ หากมีเวลาน้อยก็เที่ยวในประเทศ หากมีเวลามากและมีเงินเก็บมากพอ ก็เดินทางให้ไกลขึ้น เพื่อเปิดโลกทัศน์ของตัวเอง แล้วเราจะรู้ว่า อย่าเพิ่งตายนะ โลกนี้ยังมีอะไรอีกมากมายรอเราอยู่

ใช้ชีวิตของตัวเองให้ดี ทำงานหาเงินให้เป็น เก็บเงินให้เก่ง แล้วไปท่องโลกกันค่ะ

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของประสบการณ์ของผู้หญิงคนหนึ่งทีเคยหลงผิดและบ้าคลั่งกับวัตถุจนเกินสมควร และวันนี้ฉันได้รู้แล้วว่า "ไม่มีอะไรมีค่าไปกว่าประสบการณ์"


เพราะการเดินทางทำให้ชีวิตมีความคลาสสิค
Akiko

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ปี 2025 นี้ ปีชงมีผลจริงมั้ย รับมือกับการใช้ชีวิตยังไงดี???

ปี 2025 คงเป็นปีที่ร้อนแรงสำหรับหลายๆ คน ทั้งเรื่องราวของวิทยาศาสตร์และไสยศาสตร์ใดๆ ก็เข้ามาทำให้ชีวิตเรามีความกังวลไม่น้อย ไหนจะมีปีชง ไหนจ...