รีวิว Afternoon Tea by Akiko กินจริงอ้วนจริงไม่โกง ภาค 1

Hello เกือบปีแล้วที่ไม่ได้เขียน Blog เลยด้วยภารกิจและสิ่งที่ทางเราต้องจัดแจงมันมากมายเหลือเกิน แต่ในที่สุด ทางเราก็กลับมาแล้วนะคะ

ช่วงที่ผ่านมา ทางเราแลดูเหมือนคนทำน้ำหนัก ที่กินของหวานตลอดเวลา และทุกๆ วันจะต้องมีคนเดินมาถามว่า ทำไมกินขนมหวานเยอะขนาดนั้นแล้วไม่อ้วน กินหมดมั้ย กินกี่คน แพงมั้ย ต่างๆ นานา บลาๆๆวันนี้พอมีเวลาในการพร่ำพรรณา ทางเราจึงจัดทำ Blog นี้ขึ้นมาเพื่อตอบคำถามที่ทุกคนสงสัยกันค่ะ

ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา เราได้มีโอกาสชิม Afternoon Tea หลายๆ ที่ทั้งที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งก็แน่นอนว่าแต่ละที่จะมีความแตกต่างกันไป ปริมาณมากน้อยต่างกัน ความอร่อยต่างกัน ราคาก็ต่างกัน ซึ่งรีวิวนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของเราเท่านั้น ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับความคิดเห็นของหลายๆ คนที่เคยไปลองชิมมา ก็อย่าว่ากันนะคะ

เริ่มจากที่แรกที่มีคนถามค่อนข้างเยอะเลย เพราะด้วยความน่ารักและความเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นเว่อร์ๆ ของ Afternoon Tea Set นั่นก็คือ Seasonal Afternoon Tea Set ที่โรงแรม The Okura Prestige 
ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็น Seasonal ดังนั้น Afternoon Tea Set ของที่นี่จึงมีความแตกต่างตามฤดูกาลที่เปลี่ยนไปของประเทศญี่ปุ่น รูปด้านบนคือตัวแทนของฤดูใบไม้ผลิ ก็จะเป็นธีมซากุระ (ช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายนของทุกปี) ส่วนด้านล่างจะถูกเปลี่ยนธีมเป็นฤดูใบไม้ผลิ (ช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคมของทุกปี)
จริงๆ แล้วจะมีที่เป็นธีมลาเวนเดอร์ด้วยค่ะ แต่ยังไม่เคยไปลอง
Set นี้จะเสิร์ฟของคาวและหวานตามรูปเลยค่ะ สำหรับ 2 คน บวกกับชา 2 กา ที่สามารถเลือกรสชาติได้ตามต้องการ จะมีเมนูชามาให้เราเลือก หรือจะเลือกเป็นกาแฟร้อนก็ได้ค่ะ

ค่าเสียหายจะอยู่ที่ 1,290++ (ถ้ามีบัตรสมาชิกของ The Okura จะลด 10% ค่ะ) ส่วนรสชาติ ให้ 8 เต็ม 10

ต่อมาจะเป็น Afternoon tea @ Hilton Bangkok ค่ะ ชุดที่เราไปชิมคือชุด Jay&Daisy ซึ่งเป็นการรังสรรค์ชุดชาจากประสบการณ์ความรักของ Jay และ Daisy ค่ะ ซึ่งต่างคนต่างเดินทางมาพบกันที่เมืองไทยด้วยความบังเอิญ ไม่เล่าเยอะเน๊อะ เพราะเราเหม็นความรัก
Set นี้สำหรับ 2 คนค่ะ ขนมไม่เยอะนัก มีแซนวิช คุ๊กกี้แล้วก็เค้ก ส่วนชา สามารถเลือกได้ 2 รสชาติเหมือนกันค่ะ หรือจะเลือกเป็นกาแฟร้อนอย่างคาปูชิโน่ ลาเต้ บลาๆๆ ก็สามารถทำได้ลืมบอกว่าทุกที่ที่ให้แยมกระปุกเล็กเรามา ถ้าทานไม่หมดสามารถเก็บกลับมาทาขนมปังที่บ้านได้ค่ะสำหรับชุดนี้ราคาจะอยู่ที่ 950 บาทค่ะ รสชาติขอให้ 7 เต็ม 10 ค่ะ จริงๆ แล้วคนอื่นอาจจะชอบ แต่โดยส่วนตัวรู้สึกว่ามันหนักไป เน้นช็อกโกแลต ค่อนข้างมาก ของคาวในเซ็ทอย่างแซนวิชก็ค่อนข้างเฉยๆ ค่ะ ส่วน Scone ถือว่าโอเคดี หนับๆ นุ่มๆ
ต่อมาเป็นที่หนึ่งที่ทางเราค่อนข้างชอบค่ะ นั่นก็คือ Afternoon Tea Set ของโรงแรม The Athenee Hotel Bangkok มันมีความดีงาม ด้วยตัว Set ที่มีความเก๋ระดับ 10 เต็ม 10 และรสชาติค่อนข้างดี ก็เลยความพริ้มเพรามากๆ สำหรับที่นี่
ในส่วนของขนมใน set จะเปลี่ยนไปตามช่วงเวลา ไม่ซ้ำกัน อย่างตอนที่ไปที่นี่เป็นฤดูกาลของมะม่วง แบบซัมเมอร์ๆ ดังนั้น ขนมส่วนใหญ่จะเป็นมะม่วงเกือบทั้งหมด ก่อนหน้านู้นนนนที่ไปจะเป็นธีมกุหลาบ ขนมส่วนใหญ่ก็จะมีกุหลาบเป็นส่วนประกอบค่ะ 

ที่นี่ใช้ชายี่ห้อ Ronnefeldt ซึ่งจะต่างกับที่อื่นที่ส่วนใหญ่เป็น TWG และ Daimah ค่ะ มีรสชาติให้เลือกหลากหลายเลย รวมถึงมี Masala Chai ซึ่งเป็นชาของอินเดียเสิร์ฟด้วยค่ะ ทางเราชอบมากเพราะมันจะมีกลิ่นเครื่องเทศเบาๆ ฟินมากค่ะ

ราคาจะอยู่ที่ 1,200++ (ถ้ามีบัตรสมาชิก Club Marriott จะได้ส่วนลด 30% ค่ะ)

มาต่ออีกที่ที่ค่อนข้างชอบมากๆ เช่นกัน เพราะขนมก็อร่อย สถานที่ก็แบบสวยงามมากเว่อร์ ถ่ายรูปได้เป็นร้อยๆๆๆๆ รูป นั่นก็คือ W Bangkok หรือที่เรียกว่า The House on Sathorn นั่นเองค่ะ บ้านสไตล์คลาสสิคกลางกรุง ที่ถูกนำมาดัดแปลงเป็นคาเฟ่เกร๋ๆ ที่มีความลงตัวเป็นที่สุด
ที่นี่จะเสิร์ฟ set ค่อนข้างใหญ่ค่ะ ประกอบด้วยอาหารคาวและหวาน โดยส่วนตัวแล้ว ชอบโรลแซลม่อนและทาร์ตเห็ดมากๆ รสชาติคือลงตัวสุดๆ ส่วนขนมก็จัดว่ารสชาติดีเมื่อเทียบกับที่อื่นๆ ที่นี่จะเสิร์ฟไอศกรีมรสเบอร์รี่ก่อน ซึ่งดีงาม สดชื่นมากๆ ค่ะ

สำหรับ set นี้ จะสามารถสั่งชาได้ 2 รสชาติเหมือนกัน หรือจะเปลี่ยนเป็นกาแฟร้อนก็ย่อมได้ ที่นี่เสิร์ฟชา TWG ซึ่งจะมีรสชาติที่ TWG Blend เพื่อที่นี่โดยเฉพาะเป็นกลิ่นซากุระ ก็หอมๆ ดี 

ส่วนราคาจะอยู่ที่ 1,350++ สำหรับชา 2 กา และ 1,950++ ถ้าต้องการเพิ่ม Cocktail เข้าไป 2 แก้วค่ะ
(ถ้ามีบัตรสมาชิก Club Marriott จะได้ส่วนลด 30% ค่ะ)
    
มาต่อกันที่โรงแรมน้องใหม่อย่าง Bangkok Marriott Hotel The Surawongse ที่มีก็มีบริการ Afternoon Tea Set เหมือนกัน โดยจะแบ่งเป็น 2 แบบค่ะ แบบแรกจะเป็นแบบไทยๆ คือเสิร์ฟของว่างแบบไทยร่วมกับขนมไทยและผลไม้ 1 อย่าง เช่น เปาะเปี๊ยะทอด ช่อม่วง กุ้งพันอ้อย และขนมไทยอย่างทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ทองเอก บลา บลา บลา 
ส่วนอีกเซตจะเป็นแบบตะวันตก ก็จะมีเค้กแซนวิชหน้าแซลม่อน Scone และเค้กต่างๆ ซึ่งรสชาติกลางๆ ไม่แย่ แต่อาจจะไม่อร่อยเท่ารุ่นพี่ Marriott อื่นๆ สำหรับแต่ละเซต สามารถสั่งชาได้ 2 รสชาติหรือสั่งกาแฟร้อน/เย็นได้เลย เซตละ 2 แก้ว นั่นแปลว่า ครั้งนี้เราสามารถสั่งเครื่องดื่มได้ 4 แบบเลยค่ะ

ส่วนราคานั้น เซตไทย ราคา 598++ ส่วนเซตแบบตะวันตกราคาจะแพงกว่า ตกประมาณ 800 บาท ไม่เกินนี้ค่ะ จำราคาแบบเป๊ะๆ ไม่ได้เพราะว่าคิดราคารวมกันทั้งสองเซต (ถ้ามีบัตรสมาชิก Club Marriott จะได้ส่วนลดด้วยค่ะ)

ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วมาต่อกันที่โรงแรม Marriott Marquis ที่นี่ก็มีให้บริการ Afternoon Tea Set ที่บริเวณ Lobby ของโรงแรมเหมือนกันค่ะ หลายคนอาจคิดว่าเป็นโรงแรมเก่า แต่หลังจากมีการรีโนเวทใหญ่และบริหารงานโดยเครือ Marriott แล้วก็ถือว่าหรูหราสมฐานะอยู่ค่ะ ช่วงที่ไปทานที่นี่เป็นช่วงคริสมาสต์พอดี ทางโรงแรมเลยมีการจัด Set เป็นธีมคริสมาสต์ ซึ่งเอาจริงๆ คือมีความน่ารักมากเว่อร์ ให้คะแนนเกินร้อย
เซตนี้เป็นเซตที่จัดว่าใหญ่มากสำหรับการทาน 2 คน เพราะนอกจากขนมจะเยอะมากแล้ว ยังมีเครื่องดื่มเย็นในเซต 2 แก้ว และสามารถสั่งชาได้อีก 2 รสชาติ คืออิ่มจุก สามารถทานแทนมื้ออาหารได้เลย เพราะมีทั้งคาวและหวานครบครันบันเทิงมาก ติดตรงเรื่องรสชาติ ทางเราค่อนข้างเฉยๆ เพราะหวานมากทุกสิ่ง หวานจนน้ำตาไหล ต้องขอเติมชาไปทั้งสิ้นสามรอบค่ะ แต่ถ้าคนชอบความหวานก็ถือว่าตอบโจทย์

ส่วนเรื่องราคาจะอยู่ที่ 950++ (ถ้ามีบัตรสมาชิก Club Marriott จะได้ส่วนลดด้วยค่ะ)

ยังไม่หมดค่ะ มาต่อกันที่ Westin Bangkok จริงๆ แล้วที่นี่มีเสิร์ฟ Afternoon Tea Set ด้วย แต่เรายังไม่ได้ลอง เคยลองทานบุฟเฟ่ต์ที่นี่ก็รู้สึกว่า อาหารและขนมอร่อยดี ใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ แต่วันนี้เป็นช่วงสายๆ ของวันเสาร์ เราเลยลอง Brunchie Munchies Set ดู ที่นี่เสิร์ฟกันเป็นโต๊ะเลยค่ะ มีความน่ารักน่าชัง ดูง่ายๆ แต่เก๋ไม่เบา
จริงๆ เซตนี้สำหรับสองคนค่ะ แต่เนื่องจากทางเราหิวมากเพราะไม่ได้ทานข้าวเช้า ก็เลยจัดเต็มคนเดียว ในเซ็ตจะเป็นของคาวล้วนอย่างพวกแซนวิช,Egg Benedict, Waffle, Roll ต่างๆ นาๆ และสามารถสั่งชาร้อนเป็นกาหรือกาแฟร้อน/เย็นได้ 2 เซต ข้อดีของที่นี่คือเป็นแบบ Free Flow สามารถเติมไปเรื่อยๆ ตลอด 2 ชั่วโมงค่ะ ดังนั้น อิ่มแน่นอน ไม่ต้องสืบ

ส่วนราคาเซตนี้จะอยู่ที่ 990++ (ถ้ามีบัตรสมาชิก Club Marriott จะได้ส่วนลดด้วยค่ะ)

หลุดจาก Zone โรงแรมแล้วไปนั่งชิวๆ ที่ร้านชาแบบจริงจังกันบ้างดีกว่าค่ะ วันนี้ได้มีโอกาสมาแถวทองหล่อ เลยได้เข้าไปแวะที่ The ฺBlooming Gallery ร้านนี้ตกแต่งถูกใจผู้หญิงอย่างชาวเรา มีดอกม้งดอกไม้ มีมุมถ่ายรูปสวยๆ เยอะมาก ที่สำหรับ Afternoon Tea Set ของที่นี่ก็เก๋ไก๋สไลเดอร์ ไม่ซ้ำใครในโลกหล้า 
ที่นี่มีชาแปลกๆ หลายรสชาติ แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นชาของทางร้านเอง ส่วนขนมต่างๆ รสชาติอยู่ในระดับกลางๆ ก็ถือว่าโอเคค่ะ แต่เรื่องไอเดีย นับว่าต้องยกให้เค้านะคะ ในเซตจะมีทั้งคาวหวาน อย่างแซนวิช ชีส และขนมเค้กต่างๆ ทิรามิสุ ซอฟคุ๊กกี้ และช็อกโกแลตด้วย

Set นี้สำหรับ 2 คนค่ะ สามารถเลือกชาได้ 2 รสชาติ แต่ไม่สามารถเลือกเป็นกาแฟแทนได้นะคะ เข้าใจว่าเป็นเพราะทางร้านต้องการโชว์จุดเด่นเรื่องชาที่ทางร้านเบลนรสชาติเอง

และต้องขออภัยด้วยที่จำราคาของที่นี่ไม่ได้เลย คุ้นๆ ว่าอยู่ประมาณไม่เกิน 900 บาทค่ะ ร้านจะอยู่ในอาคาร Eight Thonglor ค่ะ

เปลี่ยนแนวมาเป็นสายไอศกรีมกันบ้าง สำหรับคนที่ไม่ชอบทานเค้ก แต่ชอบของหวานจำพวกไอศกรีม ตอนนี้ที่ร้าน Haagen Dazs ก็มี Afternoon Tea Set แล้วนาจา โดยเสิร์ฟเป็นไอศกรีมพร้อมของหวานต่างๆ นาๆ อย่างพวกบราวนี่ ทาร์ตผลไม้ ผลไม้สดและฟองดูช็อกโกแลต ซึ่งดีงาม เรื่องรสชาตินั้นคงไม่มีอะไรให้ต้องเคลือบแคลงสงสัย เพราะที่นี่เค้าก็มีชื่อเสียงเรื่องไอศกรีมอยู่แล้ว ก็คือดี ไม่รู้จะบรรยายยังไง เซตนี้เสิร์ฟพร้อมชา Dilmah 2 กาค่ะ ที่สามารถเลือกรสชาติได้เลยค่ะ
ถ้าจำไม่ผิดเซตนี้ราคา 950 บาทค่ะ แต่ถือว่าคุ้มมากๆ เพราะให้ไอศกรีม Haagen Dazs ถึง 8 ลูก ส่วนผลไม้สดก็เป็นผลไม้ที่โอเคเลย ไม่ได้ไก่กาอาลาเล่ ยังไงก็ลองไปชิมดูนะคะ

ไปเที่ยวต่างจังหวัดกันบ้างดีกว่าค่ะ จะได้เปลี่ยนบรรยากาศ พอดีทางเรามีโอกาสได้ไปพักที่โรงแรม Marriott Rayong เลยได้มีโอกาสไปชิมขนมที่นั่นด้วยเช่นกัน ความชิวคือ จิบชาชมทะเลจ้ะพี่จ๋า
Set นี้สำหรับ 1 คนค่ะ คือจะมีชามาให้ 1 ถ้วยเลยพร้อมกับขนมคาวหวาน set นี้ เอาจริงๆ คืออิ่มใช้ได้ค่ะ ถ้าพูดถึงเรื่องรสชาติก็ถือว่าโอเคนะคะสำหรับโรงแรมในต่างจังหวัด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอยู่ในเครือของแมริออทหรือไม่อย่างไร และเมื่อเทียบกับราคาก็ถือว่าไม่ได้แพงมากค่ะ 

ราคาจะอยู่ที่ 495++ (ถ้ามีบัตรสมาชิก Club Marriott จะได้ส่วนลด 30% ค่ะ)

ยังอยู่กันที่ต่างจังหวัดค่ะ นั่นก็คือจังหวัดเพชรบุรี บ้านเฮานั่นเองค่ะพี่น้อง แต่ Set นี้จะมีความต่างตรงที่เป็นขนมไทยค่ะ ก็ถือว่าน่ารักดี แต่ set จะไม่มีอาหารคาวเลยค่ะ จะเสิร์ฟเป็นขนมหวานโบราณทั้งหมดค่ะ กินกับชาของ Dilmah แต่เห็นราคาแล้วจะตกใจ นั่นคือ 250 บาท (ไม่ผิดค่ะ 250 บาทเท่านั้น) 

ร้านนี้เป็นคาเฟ่ขนมไทย ชื่อ ร้านลูกเจี๊ยบ อยู่ในตัวเมืองเพชรบุรีเลย บรรยากาศร่มรื่น มีต้นไม้เยอะ ภายในทาสีขาว ตกแต่งได้น่ารักเลยแหละ
ใน set จะประกอบไปด้วยขนมโบราณต่างๆ อย่างเม็ดขนุนซึ่งมีทั้งไส้ถั่วและถั่วแดง ทองหยอด ฝอยทอง ทองหยิบ ข้าวตู หม้อแกง ขนมชั้น บ้าบิ่น อาลัว บลา บลา บลา และเราสามารถเลือกชาได้ 1 รสชาติค่ะ 

นอกจากนี้ที่ร้านยังมีเมนูขนมหวานและเครื่องดื่มอื่นๆ อีกมากมาย แต่ที่ขึ้นชื่อก็คือชาไทยขนมชั้นและกาแฟหม้อแกงซึ่งเป็นขนมหวานขึ้นชื่อของจังหวัดเพชรบุรี แต่เครื่องดื่มเย็นจะไม่รวมอยู่ใน set นะคะต้องสั่งต่างหากค่ะ
 
 
ที่นี่จะมีโรงงานทำขนมหวานและร้านขายขนมหวานอยู่ในพื้นที่เดียวกันด้วยค่ะ เมื่อทานเสร็จก็สามารถซื้อของฝากต่างๆ นาๆ ไปฝากทางบ้านได้ด้วยค่ะ เรียกได้ว่าครบวงจรเลยทีเดียวค่ะคุณ

ไปทางฝั่งเมืองโบราณกันบ้าง ครั้งนี้จะไม่ได้มาเป็น set นะคะ แต่เป็นร้านแนะนำที่หากมีโอกาสผ่านไปก็สามารถแวะจิบชาหรือกาแฟกันได้ค่ะ นั่นคือร้านบ้านข้าวหนมที่อยุธยาเมืองเก่าของเราแต่ก่อนนั่นเอง คาเฟ่นี้มีความดีงามอยู่ไม่น้อย ภายในร้านตกแต่งด้วยอิฐแดง เหมาะกับฮิปสเตอร์มากๆ
ที่นี่มีขนมไทยโบราณและเครื่องดื่มหลากหลายชนิดให้เราเลือกสรร สามารถซื้อแล้วแกะทานที่ร้านหรือซื้อกลับบ้านได้ตามสะดวกเลยค่ะ รสชาติถือว่าใช้ได้เลยนะคะ ก็ถือเป็นตัวเลือกหนึ่งระหว่างการเดินทางไปเที่ยวเมืองเก่า ส่วนเรื่องราคานั้นอยู่ในระดับกลางๆ ไม่ถูก ไม่แพงค่ะ

ตามมาด้วยคาเฟ่ขนมไทยอีกแห่งที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ นั่นคือ บ้านของหอม ร้านตั้งอยู่ที่พัทยาค่ะ เป็นคาเฟ่ขนมไทยขนาดไม่ใหญ่มาก แต่มีความหลากหลายซ่อนอยู่นาจา ที่นี่มีการดัดแปลงขนมไทยให้ดูทันสมัยขึ้น ทำให้วัยรุ่นอย่างเราๆ ไม่ลังเลที่จะแวะเข้าไปชิมเสียหน่อย
ร้านนี้ขนมอร่อยดี แต่เครื่องดื่มค่อนข้างหวาน ถึงแม้จะสั่งหวานน้อยแล้วก็ตาม อาจเพราะส่วนตัวไม่ได้กินเครื่องดื่มที่หวานมากๆ อยู่แล้ว ราคาถือว่าไม่แพงเลยค่ะ 

ตบท้ายด้วยคาเฟ่ Pandora ทางเราได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมตอนที่ได้ไปปักกิ่ง ส่วนของคาเฟ่จะอยู่ที่ชั้นสองของอาคาร ส่วนด้านล่างจะเป็นหน้าร้านค่ะ แค่เจอบันไดกระจกตรงทางขึ้นก็หรูหราหมาเห่าไปถึงสี่แยกไฟแดงแล้วค่ะ ที่นี่ราคาค่อนข้างสูงเมือเทียบกับคาเฟ่ทั่วไป เราเลยสั่งแค่เค้กชิ้นสองชิ้นมาลองชิมดู พร้อมกับกาแฟสองแก้ว เอาตรงๆ คือขนมน่ารักมาก แต่รสชาติถือว่าเฉยๆ ถ้าเทียบกับพวก Laduree คือคนละเรื่องราวเลย แต่เรื่องความน่ารัก ต้องยกให้เค้าจริงๆ 

ก็กรุบๆ สำหรับสายหวานนะคะ นอกจากรีวิว Afternoon Tea แต่ละที่แล้ว ทางเราจะมาตอบคำถามว่า ทำไมกินของหวานเยอะขนาดนี้แล้วไม่อ้วน  ก็ไม่ใช่ไม่อ้วนหรอก เพียงแต่อ้วนไม่มากเท่าที่กินไป เราเลยอยากขอแชร์วิธีการที่ทางเราได้ลองใช้ แล้วมันก็คงได้ผลดีมั้ง นั่นคือ 
"ให้ทานของหวานเหล่านี้แทนมื้ออาหารไปเลย แต่ทั้งนี้ต้องไม่ใช่มื้อเช้า เพราะการทานของหวานแต่เช้าทำให้เราอยากของหวานไปตลอดทั้งวัน ดังนั้นถ้าวันไหนเราจะไปทาน Afternoon Tea Set เราจะทานอาหารเช้าที่ดีมีคุณภาพ ส่วนใหญ่จะเป็นสลัดทูน่า ไม่ก็น้ำพริกปลาทู แต่จะไม่ทานแป้งเลย เน้นโปรตีนหนักๆ เพราะขนมพวกนี้ไม่ค่อยมีสารอาหารเท่าไหร่ แต่จะประกอบไปด้วยไขมันและแป้งมากกว่า และทุกครั้งก่อนทาน Afternoon Tea Set ประมาณครึ่งชั่วโมง จะดื่มไฟเบอร์ชงกับน้ำเปล่าด้วย เพราะจากการศึกษา ไฟเบอร์จะช่วยลดการดูดซึมของแป้งและน้ำตาลได้ค่ะ ส่วนตอนเย็นถ้าเป็นไปได้ก็จะไม่ทานแล้ว ส่วนหนึ่งเพราะไม่หิว เนื่องจาก Afternoon Tea จะเริ่มเสิร์ฟตอนบ่ายสองเป็นต้นไป อาจจะมีบางที่ที่เริ่มเสิร์ฟตอนเที่ยง แต่เราไม่ค่อยไปเวลานั้นเท่าไหร่ ชอบไปตอนบ่ายมากกว่า และจะพยายามเดินให้มากขึ้นในวันนั้นๆ"

ก็เล่าสู่กันฟังเน๊อะ หวังว่าจะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับหลายๆ คนนะคะ ลองไปชิมกันดูนะยูว์

Akiko

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ปี 2025 นี้ ปีชงมีผลจริงมั้ย รับมือกับการใช้ชีวิตยังไงดี???

ปี 2025 คงเป็นปีที่ร้อนแรงสำหรับหลายๆ คน ทั้งเรื่องราวของวิทยาศาสตร์และไสยศาสตร์ใดๆ ก็เข้ามาทำให้ชีวิตเรามีความกังวลไม่น้อย ไหนจะมีปีชง ไหนจ...