Welcome my new year : การตั้งเป้าหมายในปี 2024 แบบหวังผล


ในที่สุดก็เข้าสู่เดือน ธันวาคมเสียที ซึ่งเป็นเดือนที่เราชอบมากที่สุด และรอคอยมาตั้งแต่ต้นปี เพราะเราชอบ Feeling ช่วงคริสต์มาสมากๆ ยิ่งถ้าไปเที่ยวต่างประเทศแถบยุโรป จะยิ่งมีความสุขมากขึ้นไปอีก เพราะแถบนั้นคือเข้มข้นมากเว่อร์ คริสต์มาสกันทั้งเดือนแล้วอากาศก็จะหนาวๆ ด้วย มันเป็นเดือนที่เรารู้สึกว่าผ่อนคลาย เป็นฤดูกาลแห่งการให้ของขวัญทั้งแก่ตัวเองและคนอื่นที่เรารักและปราถนาดีต่อเค้า เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะไม่ค่อยหนาว แต่เราก็รู้สึก festive เฟสใจกันอยู่เหมือนกัน เราชอบเวลาที่ประเทศของเรามีการตกแต่งช่วงเทศกาลคริส์มาส มันทำให้เรารู้สึกว่าประเทศของเราเป็นประเทศแถวๆ ยุโรป เป็นประเทศพัฒนาแล้ว 

ถึงแม้ว่าปีนี้จะทุลักทะเลพอสมควร ทั้งเรื่องชีวิตและเรื่องการงาน แต่เราก็ผ่านมันมาได้จนถึงตอนนี้ เหลืออีกไม่ถึงเดือนก็จะเข้าสู่ปีใหม่แล้ว และเชื่อว่าหลายๆ คนก็เริ่มเขียน Resolution 2024 ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องของการดูแลสุขภาพ การออกกำลังกาย การอ่านหนังสือ การเก็บเงิน เหล่านี้น่าจะเป็นเป้าหมายหลักๆ ที่หลายคนอยากเริ่มต้นใหม่ หรือบางคนอาจจะอยากทำให้ดีกว่าเดิมมากขึ้นไปอีก ซึ่งก็ถือโอกาสนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสร้างการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ให้กับชีวิต


นอกเหนือจากการตั้งเป้าหมายในช่วงปีใหม่แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เราให้ความสำคัญไม่แพ้กันก็คือ การทบทวนช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมาว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกับชีวิตของเราบ้าง ทั้งเหตุการณ์ที่สำคัญและส่งผลกระทบต่อความรู้สึกและชีวิตของเรา จะมากจะน้อย ซึ่งสำหรับเรา เราเขียน journal อยู่แล้ว การกลับไปอ่าน มันทำให้เราได้กลับมาทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เรามีความสุข มีอะไรบ้าง แล้วเรามีความสุขแค่ไหน ทำให้เรารู้สึกขอบคุณช่วงเวลานั้นๆ บุคคล สิ่งต่างๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง หรือถ้าเป็นเรื่องราวที่ทำให้เรารู้สึกไม่ดี เสียใจ หรือเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกหรือชีวิตของเรา ก็ทำให้เราได้นึกถึงบทเรียนที่เราได้จากเรื่องนั้นๆ อีกครั้ง ทำให้เราได้ตอกย้ำตัวเองว่าเราจะไม่กลับไปผิดพลาดในจุดเดิมๆ ซ้ำอีก 

เริ่มต้นจากการเขียนสรุปปีที่ผ่านมา โดยการเขียนเป็นเหมือนสรุปข่าวใหญ่ของตัวเราเองจำนวน 12 ข่าวว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ในแต่ละช่วงเวลา แต่ละเดือน ซึ่งอาจจะมากหรือน้อยกว่านี้ก็ได้ สามารถปรับได้ตามสะดวกเลย และจะเขียนสรุปไว้ที่ท้ายเล่มของสมุดบันทึกประจำปี 2023 หรือจะแยกเขียนไว้ใน blog หรือเขียนใน ipad ก็คือได้หมด ไม่ติดค่ะ

เมื่อสรุปข่าวใหญ่ของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มคิดถึงปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงว่า จากสิ่งที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา เราต้องการทำอะไรบ้าง สำหรับเราจะแยกเป็นหัวข้อเป็น 4 หัวข้อหลักๆ คือ


- เป้าหมายที่ต้องการปรับปรุงหรือพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น เพราะปีที่ผ่านมามันไม่ไหวเลยสาว เช่น ปีที่ผ่านมาเราคิดลบบ่อย ก็จะตั้งเป้าว่า เราจะปรับทัศนคติของตัวเองให้ดีขึ้น พยายามสร้างพลังเชิงบวก มีสติมากขึ้นจะได้รู้สึกตัวและปรับโฟกัสใหม่เวลาที่เราคิดลบกับตัวเอง หรือเราขี้โมโห ขี้หงุดหงิดมาก เราจะตั้งเป้าว่า เราจะเป็นคนใจเย็น และรับฟังคนอื่นมากขึ้น เราจะพยายามเข้าใจคนอื่นให้มากกว่าเดิม แต่เราจะไม่เขียนว่า เราจะไม่ดุคนอื่น เพราะสมองของเราจะตัดคำว่า "ไม่" ออกไปจากประโยคและสุดท้ายก็จะไม่ได้ผลเลย (อันนี้เป็นความเชื่อส่วนตัว) เราพยายามเขียนเป้าหมายให้เป็นประโยค positive ที่เราเชื่อว่า มันทำให้เราทำให้บรรลุเป้าหมายเหล่านั้นได้มากกว่า หรืออาจจะเป็นเรื่องการออกกำลังกายเพิ่มขึ้น การกินอาหารให้ดีขึ้น แต่ให้เขียนลงรายละเอียดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เช่น เราเป็นคนสุขภาพดีที่ออกกำลังกายอย่างน้อย 4 วันต่อสัปดาห์ หรือเราจะกินอาหารตามใจตัวเองช่วงวันเสาร์อาทิตย์เท่านั้น หรือเราจะอ่านหนังสือวันละ 10 หน้าทุกวัน แบบนี้ก็จะช่วยให้เราสามารถโฟกัสที่การพัฒนาตัวเองของเราได้มากขึ้น 


- เป้าหมายทางด้านการงาน คือ การวางแผนการทำงานและการเติบโตในด้านการงานของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตำแหน่ง รายได้ หรือหากเราไม่พอใจกับงานที่เราทำอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะด้วยตัวงาน เพื่อนร่วมงาน เจ้านาย ก็เป็นเวลาที่ดีที่เราจะถามตัวเองว่า แล้วงานที่เราชอบเป็นแบบไหน คนที่จะทำงานแบบนั้นต้องเป็นคนแบบไหน แล้วเราก็พยายามพัฒนา skill ในด้านต่างๆ เพื่อให้ไปถึงเป้าหมายนั้น เช่น เราอยากทำงานอิสระ เพราะชอบอยู่บ้าน ก็หาข้อมูลว่า งานแบบไหนที่ตอบโจทย์ชีวิตแบบนั้น แล้วต้องมีทักษะอะไรบ้างที่เราต้องมีเพื่อจะให้ได้งานนั้น สำหรับข้อนี้ ขอให้คิดให้ดีๆ และรอบคอบ เพราะทุกอย่างมีทั้งข้อดีและข้อเสีย พยายามหาข้อมูลและคิดถึงความต้องการของตัวเองเป็นหลัก


- สิ่งที่ต้องการเรียนรู้เพิ่มขึ้นในปีหน้า อาจจะไม่ถึงขั้นไปเรียนใน class แต่แค่อ่านหนังสือก็นับเป็นการเรียนรู้แล้ว หรือการเรียน online หรือศึกษาจาก Youtube ก็ได้ โดยเราจะเลือกหัวข้อที่เราสนใจ และเลือกอ่านหนังสือ หรือศึกษาเรื่องนั้นๆ เป็นพิเศษ เช่น การเงิน หรือเรื่องที่ต้องการพัฒนาเพื่อการทำงาน เช่น การทำ presentation / Digital Marketing หรือวิธีการพูดในแต่ละสถานการณ์ หรือศิลปะในการสื่อสารที่จะช่วยให้เราสามารถอธิบายหรือพูดคุยให้คนอื่นสามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้น พวกนี้ช่วยเราในเรื่องการทำงานได้มากๆ หรือบางเรื่อง อาจจะนอกเหนือจาก อาชีพของเราไปเลย แต่เป็นสิ่งที่เราสนใจ อย่างเช่น การตัดต่อวีดีโอ เป็นต้น


- เป้าหมายทางด้านการเงิน เป็นสิ่งที่ค่อนข้างสำคัญ โดยแยกเป็น 2 ส่วน คือส่วนของสินทรัพย์ และหนี้สิน

                    สินทรัพย์ ก็คือ เงินเก็บ หุ้น กองทุน ทองคำต่างๆ อันนี้จริตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ไม่มีถูก ผิด บางคนออมเงินไว้ในบัญชีเพราะรู้สึกสบายใจที่สุด ก็ไม่ผิด บางคนออมทอง เพราะหวังผลกำไร ก็ไม่ผิด บางคนออมกองทุน ออมหุ้น ก็ไม่ผิด แต่ให้ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน เฉพาะเจาะจง เช่น จะเก็บเงินให้ได้ 100,000 บาท แล้วการจะเก็บได้ 100,000 บาทคืออะไร เช่น การเปิดบัญชีแยกแล้วหักจากเงินเดือน 20% ตั้งแต่วันที่เงินเดือนออกเลย หรือ ตั้งเป้าซื้อทองให้ได้ 5 บาทในปีหน้า อย่างไร ด้วยวิธีไหน ซึ่งปัจจุบันเราก็สามารถเปิดบัญชีออมทองได้แล้ว แถมซื้อขายผ่านแอปได้ด้วย

                    หนี้สิน หากเรามีหนี้บ้าน หนี้รถ สิ่งที่ควรทำควบคู่กันกับการวางแผนเรื่องการออมเงินก็คือ การจัดการหนี้สิน ควรวางแผนการโปะหนี้ต่างๆ ให้หมดเร็วขึ้น เช่น การผ่อนบ้านเพิ่มขึ้น 10% เพราะปัจจุบันเป็นช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น และไม่มีแนวโน้มว่าจะกลับไปต่ำแบบเดิมอีกแล้ว อย่างตอนนี้เราก็ผ่อนบ้านอยู่เหมือนกัน เราก็วางแผนระยะสั้นคือ ผ่อนบ้าน 2x ทุกเดือน และพยายามปลดหนี้บ้านให้หมดภายใน 5 ปี เพราะเราก็อายุ 40 กว่าแล้ว ไม่อยากเป็นหนี้ไปจนเกษียณ เป็นต้น

                    เมื่อทำครบสองส่วนแล้วให้กลับมาคิดเพิ่มเติม แล้วสิ่งที่เราอยากเป็นหรืออยากได้มีอะไรบ้าง เช่น อยากไปเที่ยวที่ไหน อยากได้อะไร ก็เขียนออกมา ระบุจำนวนเงินให้เฉพาะเจาะจง ช่วงเวลา และวิธีการ ก็จะช่วยให้เราสามารถไปถึงเป้าหมายได้มากขึ้นด้วย เช่น พาแม่ไปเที่ยวญี่ปุ่น ใช้เงิน 100,000 บาท ไปตอนไหน อย่างไร เช่น ไปเมืองไหน บินสายการบินอะไร ที่พักเป็นแบบไหน จะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง เป็นต้น 


                    ทั้งนี้ขอให้เราตั้งเป้าหมายให้สอดคล้องกับสิ่งที่เราต้องการจริงๆ ให้เราอยู่กับตัวเองและถามตัวเองว่า เราต้องการให้ชีวิตเราเป็นแบบไหน อะไรที่เราชอบ และไม่ชอบ อย่าหลงตามกระแส ยิ่งปัจจุบัน เรามักเสพโซเชียลเยอะมากๆ และมองดูชีวิตคนอื่น ก็เลยตั้งเป้าหมายตามคนอื่น เช่นเห็นคนนั้นทำอย่างนั้น คนนี้มีอย่างนี้ ก็อยากจะเป็น อยากจะได้แบบที่เค้ามี ซึ่งมันไม่ผิดเลย ถ้ามันเป็นความต้องการจากส่วนลึกของเราจริงๆ เราดูเพื่อให้เป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต เพราะเราเคยเป็นคนหนึ่งที่ตั้งเป้าหมายตามที่เพื่อน ตามคนอื่นที่เราไม่ได้รู้จักชีวิตเค้าดีพอด้วยซ้ำ แล้วก็พยายามไปให้ถึงจุดนั้น จนเมื่อบรรลุเป้าหมายนั้นแล้วเราก็ได้รู้ว่า จริงๆ แล้วมันไม่ได้ทำให้เราอิ่มใจ หรือดีใจมากขนาดนั้น เพราะว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการจริงๆ 

                    และนี่ก็คือสิ่งที่เราทำในช่วงนี้ ซึ่งห้าปีที่ผ่านมา เราทำแล้ว เราสามารถทำสิ่งที่ต้องการให้สำเร็จตามเป้าหมายได้เยอะขึ้นมาก เมื่อเทียบกับการคิดลอยๆ เหมือนที่ผ่านๆ แล้ว ก็เลยอยากแชร์สิ่งที่เราทำแล้วโอเค ให้คนอื่นลองทำดูบ้าง เพราะเราก็หวังว่า วันหนึ่งจะมีคนที่เค้าได้เรียนรู้อะไรมา แล้วมันดีกับชีวิตเค้า เค้าจะแชร์ให้เรารู้ด้วยเช่นกัน ^^

Akiko Diaries...





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ปี 2025 นี้ ปีชงมีผลจริงมั้ย รับมือกับการใช้ชีวิตยังไงดี???

ปี 2025 คงเป็นปีที่ร้อนแรงสำหรับหลายๆ คน ทั้งเรื่องราวของวิทยาศาสตร์และไสยศาสตร์ใดๆ ก็เข้ามาทำให้ชีวิตเรามีความกังวลไม่น้อย ไหนจะมีปีชง ไหนจ...