หลังจากที่เราได้อ่านหนังสือ "THE FIVE SECRETS YOU MUST DISCOVER BEFORE YOU DIE" ความลับ 5 ข้อที่คุณต้องค้นให้พบก่อนตาย เขียนโดย ดร.จอห์น ไอโซ แล้วเรารู้สึกอินมาก😍😌 จนอยากเขียนสรุปเก็บเอาไว้ เราคิดว่ามันคือหลักการที่สามารถเอามาใช้กับชีวิตได้จริงๆ และสำคัญเลยทีเดียว
โดยหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่เราซื้อมานานหลายปี โดยคุณโหน่ง วงศ์ทนง เคยแนะนำหนังสือเล่มนี้ไว้ในรายการ เจาะใจ หืมมมมม แค่ฟังชื่อรายการก็รู้แล้วเน๊อะ ว่านานแค่ไหน แต่เราเพิ่งจะได้มีโอกาสอ่านในปีนี้ ด้วยปณิธานปีใหม่ของปี 2023 ว่าจะอ่านหนังสือให้ได้ 52 เล่มใน 52 สัปดาห์ และเล่มนี้ก็เป็นเล่มหนึ่งที่เราอยากพูดถึงและรู้สึกประทับ แอบคิดว่าทำไมไม่อ่านตั้งนานแล้วนะ ประกอบกับเราพยายามเอามันมาปรับใช้กับชีวิตตัวเอง แล้วพบว่า มันดีมากจริงๆ😊
หนังสือเล่มนี้เป็นการสัมภาษณ์ผู้สูงอายุ ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปทั่วโลกหลายร้อยคนเกี่ยวกับคำแนะนำที่กลุ่มคนเหล่านั้นอยากแนะนำคนรุ่นหลังเพื่อให้ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข หรืออยากแนะนำให้ทำตั้งแต่ตอนนี้เพื่อที่จะไม่ต้องรู้สึกเสียดายหรือเสียใจทีหลัง ซึ่งทางผู้เขียนได้รวบรวมบทสัมภาษณ์ดังกล่าวและพบว่า มีคำตอบที่ระบุถึง 5 สิ่ง ที่ผู้สูงอายุหลายท่านแนะนำตรงกัน ได้แก่
1.จงซื่อสัตย์กับตัวเอง ซึ่งเป็นหลักการข้อเดียวกับที่หนังสือหลายๆ เล่ม พยายามบอกเราว่า ให้ซื่อสัตย์และฟังเสียงหัวใจของตัวเอง อะไรคือความต้องการที่แท้จริง อะไรคือเป้าหมายในชีวิตของเรา และให้ถามตัวเองเสมอว่า เรากำลังใช้ชีวิตของตัวเอง หรือเรากำลังใช้ชีวิตของคนอื่นกันแน่ ไม่ว่าจะด้วยเรื่องของชีวิต เรื่องการทำงาน หรืองานอดิเรกอื่นๆ ที่เราอยากทำ เราได้ทำอย่างที่หัวใจเรียกร้องแล้วหรือยัง
หลายคนอาจจะผูกติดอยู่กับหน้าที่และความรับผิดชอบต่างๆ ที่ทำให้เราไม่สามารถผละตัวออกมาทำในสิ่งที่เรารัก หรือต้องการจริงๆ ได้ทั้งหมด แต่บางส่วนของชีวิต เราสามารถบริหารจัดการเวลาที่เรามี เพื่อทำสิ่งที่เรารัก และสิ่งนั้นจะช่วยเติมเต็มชีวิตของเราให้ก้าวเดินต่อไปได้อย่างมีความสุข
2. อย่ารู้สึกเสียดายทีหลัง ในหัวข้อนี้พูดถึงการเสี่ยงกับชีวิตและกล้าลงมือทำมากขึ้น แทนที่จะกลัวความล้มเหลว เพราะผู้สูงอายุส่วนใหญ่กล่าวตรงกันว่า พวกเค้าเสียใจกับสิ่งที่ยังไม่ได้ทดลองทำมากกว่าสิ่งที่ทำแล้วประสบกับความล้มเหลว เพราะการยอมรับความเสี่ยงและลงมือทำนั้น โอกาสประสบความสำเร็จจะเท่ากับ 50% แต่ถ้าเราไม่กล้าแม้แต่จะลอง ก็เท่ากับเราได้เจอกับความล้มเหลว 100%
ทั้งนี้ยังรวมถึงความสัมพันธ์ที่ต้องเยียวยา หรือค้างคา มีการมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้ง ความโกรธ ความเกลียดที่ค้างคาใจ ยิ่งนับวันจะยิ่งทำร้ายตัวเรามากขึ้นเรื่อยๆ และสร้างความเจ็บปวดให้กับตัวเอง ดังนั้นจงเคลียร์ปัญหาเหล่านี้ให้จบ เคลียร์ความรู้สึกของตัวเอง การกล่าวขอโทษ หรือกล่าวขอบคุณ กับคนรอบตัวที่เรารู้สึกติดค้าง หรือค้างคาใจ จะทำให้รู้สึกสบายใจ และมีความสุขมากขึ้น
3. ใช้ชีวิตด้วยความรัก ความรักในที่นี้ไม่ใช่อารมณ์รัก แต่เป็นความรู้สึกเข้าใจในทุกๆ สิ่ง ทั้งการรักตัวเอง รักคนที่เรามีความสัมพันธ์รอบตัว และรักผู้อื่น
สิ่งที่ง่ายที่สุดสำหรับการรักตัวเอง คือการเข้าใจและยอมรับตัวเองอย่างแท้จริง ทุกคนไม่สมบูรณ์แบบ มีทั้งข้อดีและข้อเสีย มุมมองของเราต่อสถานการณ์ต่างๆ คือสิ่งที่เราควบคุมได้ ซึ่งแน่นอนว่ามันอาจไม่สามารถทำได้เลยในตอนนี้ แต่เราสามารถฝึกฝนได้ หัดให้อภัยตัวเอง พูดดีๆ กับตัวเอง ปลอบใจตัวเอง และชื่นชมตัวเองบ้าง
รักความสัมพันธ์รอบข้าง ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ พี่ น้อง ครอบครัว สามี ภรรยา ลูก รวมไปถึงเพื่อน เพื่อนร่วมงาน คนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเรา ให้รักและเข้าใจพวกเค้าแม้ในวันที่พวกเค้าไม่น่ารัก
และสุดท้ายคือการมองผู้อื่นด้วยความรัก จะทำให้เรารู้สึกโกรธ เกลียด คน สัตว์ สิ่งของและสถานการณ์รอบตัวที่ไม่เป็นดั่งใจน้อยลง
มันทำยากมากกกกกกกกกกกกกก (กอไก่ล้านตัว) เราเองก็ยังทำไม่ได้ แต่คิดว่า จะฝึกตั้งแต่วันนี้ ฝึกให้มีควาเมตตาต่อตัวเองและคนรอบข้าง และพยายามเข้าใจว่าทำไมเค้าทำตัวไม่น่ารัก มันคงไม่ได้ 100% หรอกแต่มันน่าจะช่วยให้สุขภาพจิตเราดีขึ้น เพราะความจริงไม่มีใครสมบูรณ์แบบบนโลกใบนี้ และเราไม่สามารถบังคับให้ใครทำแต่สิ่งที่เราชอบได้ แม้แต่ตัวเราเองก็ยังทำในสิ่งที่เราไม่ชอบเลย
4. อยู่กับปัจจุบัน ข้อนี้เข้าใจง่ายมาก คือทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุด
ตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด เช่นตั้งใจเข้าประชุม โดยไม่ทำงานอื่น (ซึ่งเราก็ทำไม่ได้เหมือนกัน 555)
ให้เวลาและให้ความสนใจคนที่อยู่ตรงหน้าเราในขณะนี้ เวลานี้ มากที่สุด โดยไม่สนใจสิ่งอื่น ตั้งใจฟังในสิ่งที่เค้าพูด
ตั้งใจกินข้าวโดยไม่ดูโทรศัพท์หรือทำอย่างอื่น หรือแม้แต่อาบน้ำแบบตั้งใจอาบน้ำจริงๆ
ประมาณนี้ ซึ่งมันพูดง่ายแต่ทำยากมาก เพราะทุกวันนี้เราพยายามทำตัว multi tasking แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้เรื่องซักอย่าง ในหนังสือบอกว่าให้เราระลึกเสมอว่า ครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อเตือนตัวเองให้เรา อิ่มเอม และใช้เวลาทุกช่วงเวลาอย่างตั้งใจ
5. จงให้มากกว่ารับ ให้ถามตัวเองทุกวันว่าวันนี้ เราได้สร้างประโยชน์อะไรให้แก่โลกหรือคนรอบข้างบ้างแล้วหรือยัง สิ่งแรกที่เราสามารถทำได้คือ การทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด และพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นทุกวัน เพียงเท่านี้เราก็สามารถช่วยโลกได้แล้ว และการช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ มีความเมตตาต่อผู้คน จะทำให้เรามีความสุขเมื่อได้ย้อนนึกถึงเรื่องราวและสิ่งที่เราประโยชน์เหล่านั้น ทำให้รู้สึกอิ่มเอม มากกว่า ตำแหน่งหน้าที่งานของคุณ ทรัพย์สิน เงินทองต่างๆ เสียอีก เพราะมันทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตเรามีคุณค่า
ขอยกตัวอย่างสิ่งที่เราทำอยู่ตอนนี้คือ เราอาจจะทำงานหลักที่เราไม่ได้รู้สึกรักมันเสียทีเดียว แต่เราก็พยายามมองหาข้อดีจากการทำงานดังกล่าว แน่นอนว่าเราได้ค่าเหนื่อยและผลตอบแทนเป็นเงินที่สามารถเอาไปต่อยอดหาเงินในช่องทางอื่นๆ ได้ ทำให้เราสามารถไปใช้ชีวิตหรือทำสิ่งที่ชอบและต้องการได้ เช่นการเขียน blog ต่างๆ โดยในวันหยุด เราสามารถใช้เงินก้อนนี้ไปท่องเที่ยวในสถานที่ที่เราชอบและทำความฝันให้เป็นจริง รวมไปถึงการซื้อหนังสือมาอ่านเพื่อพัฒนาตัวเอง หรือเข้าคอร์สเรียนเพื่อเปิดโลกทัศน์ของตัวเองเพิ่มมากขึ้น การทำแบบนี้เราก็ได้ตอบสนองจิตวิญญาณของเราแล้วนะ เราก็ได้ซื่อสัตย์กับตัวเองแล้ว ถึงแม้จะไม่สามารถทำได้ทุกเรื่องก็ตาม
และในการทำงานของเราสามารถช่วย support หรือช่วยเหลือคนอื่นได้ ทั้งเพื่อนร่วมงาน หรือคนอื่นๆ ทั้งในรูปแบบของการใช้ความสามารถของตัวเราเองและรูปแบบของเงินที่เราสามารถแบ่งปันบางส่วนให้คนอื่นได้
นอกจากนี้ เรายังลงมือทำทุกอย่างทันที โดยไม่คิดว่า "เดี๋ยวค่อยทำ" ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ งานที่ต้องทำ ถึงแม้จะไม่อยากทำ และการขอโทษหรือขอบคุณคนที่เรารู้สึกคั่งค้างอยู่ในใจ มันทำให้เรารู้สึกสบายใจจริงๆ นะ สิ่งหนึ่งที่อยากทำได้มากกว่านี้ ก็คือ การอยู่กับปัจจุบัน ซึ่งตอนนี้เป็นข้อที่ยากที่สุดสำหรับเรา แต่ก็ตั้งใจว่าจะพยายามทำให้ดีขึ้นทุกวัน
อ่านเถอะ ไหว้แหละ
Panlapa Akiko😉