ผ่านช่วงปีใหม่มาไม่นาน หลายๆ คนอาจจะอยาก reset และเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ จะด้วยอยากแก้ไขนิสัยบางอย่างหรือเปลี่ยนแปลงบางสิ่งที่เคยทำ หรือเคยเป็นในปีที่ผ่านมา เพื่อทำให้ชีวิตมีความสุขมากขึ้น หรือประสบความสำเร็จมากขึ้นด้วย โดยเราสามารถแบ่งสิ่งที่เราต้องการเริ่มต้นใหม่ หรือพัฒนาออกเป็น 4 ด้าน ได้แก่
1.ด้านร่างกายและจิตใจ ที่เราตั้งข้อนี้เป็นข้อแรกเนื่องจากเรามองว่า ร่างกายหรือสุขภาพที่ดีของเรา และจิตใจที่ดี มีความสุขของเรา เป็นพื้นฐานของสิ่งต่างๆ ในชีวิต เราอาจเคยได้ยินว่า เราต้องรักตัวเอง เคารพตัวเอง และดูแลตัวเองให้ดีก่อน หากเรารักและเคารพตัวเองมากพอแล้ว เราถึงจะทำภารกิจอื่นๆ ได้สำเร็จ
ช่วงปลายปีได้ไปตรวจสุขภาพประจำปี ก็ปกติไม่มีอะไร ผลเลือดออกมาค่อนข้างดี ทั้งส่วนของคลอเรสเตอรอล ไขมันต่างๆ รวมถึงไม่มีไขมันพอกตับด้วย แต่ถึงจะดีแบบนั้น ในปีนี้เราก็ยังตั้งเป้าหมายในการเดินทุกวันๆ ละ 30 นาที เพื่อให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวบ้าง ด้วยตัวเราเองทำงานออฟฟิส บางทีก็ประชุมทั้งวัน ทำให้เราไม่ได้เคลื่อนไหวมากเท่าที่ควร เราจะเลิกอ้างว่าไม่มีเวลาเสียที รวมถึงการกินอาหารให้ดีขึ้น ด้วยการลดของหวานให้น้อยลงและกินโปรตีนมากขึ้น และดื่มน้ำมากขึ้นด้วย
หลายๆ คนอาจจะกินอาหารไม่ครบ 5 หมู่ทุกวัน เราเองก็เหมือนกัน ดังนั้นจะกินวิตามินเพื่อช่วยเสริมในเรื่องต่างๆ ด้วย ตัวที่เรากินอยู่เป็นประจำจะเป็นวิตามินบี ซี น้ำมันปลา และซิงค์ ส่วนวิตามินเอ จะกิน 3 เดือน และหยุด 3 เดือน ทั้งนี้ก็สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ว่าเราต้องการเสริมตัวไหนเป็นพิเศษ รวมถึงการดูแลเรื่องผิวด้วย ด้วยความที่เราไม่ชอบเสียเวลากับการดูแลเรื่องความงามมากนัก และเราไม่ได้เป็นคนมีพื้นฐานผิวดีมากนัก ยิ่งอายุเลย 40 ก็คือหนักเลย สิ่งที่เราทำก็คือ การเข้าคลินิคบ้าง และมาส์คหน้าเป็นประจำ รวมถึงการทาครีมกันแดดในทุกๆ วันด้วย
อ่อ นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าในการนั่งสมาธิทุกวันๆ ละ 10 นาที และเขียน journal ทุกวันอีกด้วย ซึ่งสองสิ่งนี้ช่วยลดความเครียด ความกังวลได้ดีมากๆ
ในหัวข้อนี้ยังรวมไปถึงการจัดสภาพแวดล้อมต่างๆ ให้เรารู้สึกดี สบายใจ สบายกายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดโต๊ะทำงาน หรือจัดบ้านให้เรียบร้อย โดยการแยกของที่ไม่ใช้แล้ว เพื่อนำไปบริจาค หรือกำจัดทิ้งไป หรือของสิ่งไหนที่เรายังใช้งานอยู่ ก็จัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ก็จะทำให้เรารู้สึกดีขึ้นได้เช่นกัน
2.ด้านการงาน เชื่อว่าในปีที่ผ่าน หลายคนคงได้เห็นผลการประเมินหรือมีการคุยกับหัวหน้าสำหรับการประเมินผลงานประจำปีแล้ว และพอรู้แล้วว่า เราต้องปรับปรุงและพัฒนาในเรื่องอะไรบ้าง และมีเรื่องอะไรที่เป็นจุดแข็งที่เราต้องรักษาและพัฒนาให้ดียิ่งๆ ขึ้นต่อไป
ในปีที่ผ่านมาเราได้เรียนอะไรหลายอย่างมากจากการทำงาน ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่า ทำงานมาเกือบ 20 ปี แล้ว แต่ก็ยังได้รับบทเรียนมากมายขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ที่จะเป็นหัวหน้าแบบไหน ที่ลูกน้องจะเคารพและศรัทธาในตัวเรา มันไม่ใช่แค่เรื่องของตำแหน่ง แต่มันคือความเคารพที่เค้ามีต่อเรา ความเชื่อใจ แน่นอนว่ามันไม่มีสิ่งไหนที่่จะดีกว่าไปกว่า การลงมือทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ถ้าคุณอยากให้ลูกน้องขยัน ตั้งใจทำงาน ทุ่มเท และใส่ใจ คุณเองก็ต้องทำแบบนั้นก่อน ให้เค้าเห็นและทำตามในที่สุด อย่างน้อยถ้าเค้าจะไม่ทำ เค้าก็จะรู้สึกกระดากใจหรือละอายใจ
หรือแม้แต่การทำงานร่วมกับเพื่อร่วมงานคนอื่น เราเคยเป็นคนที่ active มากๆๆๆๆ เวลาเราเห็นคนที่เค้าทำงานไม่เป็นไปตามสิ่งที่มันควรจะเป็น หรือทำไมเค้าไม่เป็นแบบนั้น แบบนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อน เราจะพยายามบังคับ หรือบอกให้เค้าเป็นไปตามสิ่งที่เราต้องการ อยากให้เค้าเปลี่ยนแปลง อยากให้เค้าทำแบบนั้นแบบนี้ แต่เราได้เรียนรู้แล้วว่า มันไม่มีประโยชน์เลย สิ่งที่เราทำมันยิ่งทำให้เค้ารู้สึกไม่ชอบเราด้วยซ้ำ แล้วทุกอย่างก็เลวร้ายลงไปอีก เราเลยเปลี่ยนวิธีการรับมือโดยการอธิบายหลักการและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และให้เหตุผลว่าทำไมเค้าถึงต้องทำ ส่วนว่าเค้าจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ จะทำหรือไม่ทำ เราว่ามันไม่ใช่เรื่องของเราแล้ว และเราก็จะไม่เสียอารมณ์กับคนแบบนี้อีกต่อไปแล้ว มันไม่คุ้มค่าเลยที่เราจะเอาเวลาและพลังบวกของเราไปเสียกับคนแบบนี้ เอาพลังงานดีๆ มาปรับใช้กับเรื่องอื่นๆ ในการทำงานจะก่อให้เกิดประโยชน์มากกว่า
นอกจากนี้แล้ว การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตัวเอง โดยการเพิ่มความรู้ในด้านอื่นๆ ทั้งที่เกี่ยวข้องกับสายงานที่เราทำอยู่และความรู้ใหม่ๆ ที่อยู่นอกเหนือจากงานที่เราทำแต่เป็นสิ่งที่เราสนใจ เพื่อให้เราได้เรียนรู้ในหลากหลาย Area เพิ่มขึ้น ยิ่งถ้าเราเองก็ไม่ได้ชอบงานที่เราทำอยู่เท่าไหร่ ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีในการ re skill เพื่อใช้เป็นพื้นฐานในการเปลี่ยนสายงานก็ยังได้ ต้องท่องจำไว้เสมอว่า "เราเป็นพนักงานอิสระ" ที่จะเปลี่ยนงานเมื่อไหร่ก็ได้ และไม่มีงานไหนที่มีความมั่นคง เพื่อให้เราต้องพัฒนาตัวเองให้สดใหม่อยู่เสมอ
3. ด้านการเงิน หลายๆ คนอาจจะพังทางด้านการเงิน เนื่องจากช็อปเก่งเหลือเกิน หรือเที่ยวเก่งเหลือเกิน ปีใหม่นี้เรามา reset ทางด้านการเงินได้โดยการตั้งเป้าหมายทางการเงิน สำหรับเราตั้งไว้แค่ 3 ข้อ ไม่ต้องเยอะ เพื่อให้เราโฟกัสในเป้าหมายของเราได้มากขึ้น
เช่น การปลดหนี้บ้าน x บาทให้หมดภายในปีนี้ หรือการลงทุน DCA เดือนละ 1,000 บาท ทุกเดือน ลดการช็อปปิ้งและสั่ง grab ให้เหลือเดือนละไม่เกิน 1,500 บาท เป็นต้น
เมื่อเราตั้งเป้าหมายแล้วก็ควรมีการจดบันทึกและ track ตัวเองทุกๆ เดือนหรือสองอาทิตย์ด้วย เพื่อให้เรารู้ว่าเราสามารถทำได้ตามเป้าหมายหรือไม่ หากไม่ได้ จะได้ปรับวิธีการต่อไป
นอกจากนี้ การศึกษาหาความรู้ทางด้านการเงินเพิ่มขึ้นก็เป็นสิ่งจำเป็นมากๆ มีหนังสือเล่มหนึ่งกล่าวว่า ในระหว่างนี้หากคุณไม่มีความสนใจในเรื่องไหนเป็นพิเศษ ขอให้คุณศึกษาเรื่องการเงินให้เข้าใจอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษี การลงทุนต่างๆ ที่จะตอบโจทย์เป้าหมายแต่ละช่วงชีวิต ซึ่งความรู้ทางด้านการเงินเป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับชีวิตของเราตั้งแต่เราเกิดจนเราตาย
4. ด้านความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์กับพ่อแม่ พี่น้อง ญาติมิตร เพื่อน เพื่อนร่วมงานหรือคนรู้จัก ปีนี้เราตัดสินใจที่จะตัดความสัมพันธ์ที่เรารู้สึกว่ามันสร้างพลังลบให้กับชีวิตเรา ถึงแม้จะเป็นญาติพี่น้องที่เค้าสร้างแต่ความไม่สบายใจให้กับเรา สร้างเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจให้เราตลอดเวลา เราพยายามช่วยเหลือ พูดคุย จูงใจให้เค้าเปลี่ยนนิสัย แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น แบบนี้ก็ตัดออกไปจากชีวิตเถอะ หรือเพื่อนที่เราไม่สามารถเชื่อใจได้ เอาความลับของเราไปบอกคนอื่น หรือพูดจากระแนะกระแหนตลอดเวลา เวลาที่เราประสบความสำเร็จ หรือทำอะไรที่มีความสุข ก็ควรปลดปล่อยและปล่อยวางความสัมพันธ์แบบนี้ไปเสีย เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรกับชีวิตเราเลย เอาเวลาไปรักษาความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพ ความสัมพันธ์ที่ช่วยอุ้มชู หรือผลักดันให้ชีวิตเราดีขึ้นดีกว่า
และเช่นกัน หากเราเองก็เป็นความสัมพันธ์ของใครซักคน ถ้าเราไม่ได้เป็นพลังบวกในชีวิตใครก็อย่าเป็นขยะในชีวิตเค้า เราถือคติเรื่องนี้เป็นสัมพันธ์ในการสร้าง Relationship ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนที่เราสนิท เพื่อนร่วมงาน partner ญาติพี่น้อง และคนที่เราได้พบเจอ อย่าพยายามสร้างพลังลบโดยการพูดไม่ดีใส่คนอื่น การบ่น ดราม่าใส่คนอื่นตลอดเวลา เพราะมันไม่เกิดประโยชน์อะไร และมันยังทำให้พลังลบของเราถูกถ่ายทอดไปหาคนอื่นด้วย ถ้าเรากำลังทำแบบนั้นอยู่ก็ไม่ต้องแปลกใจเลยที่จะมีหลายๆ คนไม่อยากเข้าใกล้เรา เพราะไม่มีอยากอยู่ใกล้คนที่ไม่มีความสุขหรอกค่ะ
มาสร้าง Best Version ให้กับชีวิตตัวเองกันเถอะค่ะ